กล่าวได้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวเมืองสองแควครั้งนี้ ผมเอาชนะอุปสรรคจากอาการเจ็บแข้งขา สามารถปั่นจักรยานไปทำหนังสือเดินทางและท่องเที่ยวเมืองพิษณุโลกได้สำเร็จ กลับถึงบ้านตามกำหนดในสภาพที่กระดูกกระเดี้ยวไม่แตกหัก ไม่ป่วยไม่ไข้ ไม่มีของหาย ไม่ถูกหลอกหรือถูกโกงให้เจ็บช้ำน้ำใจ ทุกอย่างล้วนดีหมด...
ต้องยอมรับว่าช่วงสองวันก่อนออกเดินทาง รู้สึกเป็นกังวลมากเกี่ยวกับขาข้างขวา วันพุธแล้วก็ยังเดินไม่ถนัด ผมไม่สามารถนำจักรยานออกไปลองปั่นได้ตามที่ตั้งใจไว้...
ถึงวันพฤหัส ผมสะพายเป้โหนตัวลงบันไดไปหาเจ้า Banian แล้วพากันออกเดินทางไปสถานีรถไฟห้างฉัตร ในสภาพที่ไม่แน่ใจว่าจะไปรอดหรือเปล่า?...
แม้ร่างกายจะไม่พร้อม แต่ใจนั้นก้าวไปข้างหน้าไกลเกินกว่าจะหยุดยั้งเสียแล้ว... ที่สถานีห้างฉัตร ผมเป็นผู้โดยสารคนเดียวที่รอขึ้นรถไฟท้องถิ่นขบวน 408
นั่งรถไฟ ๕ ชั่วโมงกว่า ผมเดินทางถึงพิษณุโลกตามกำหนดเวลา...
พระปรางค์วัดใหญ่ ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๓ |
ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๓ |
วันรุ่งขึ้นผมปั่นจักรยานไปทำหนังสือเดินทางที่ศาลากลางจังหวัดแต่เช้า (ได้คิวที่ ๗) ใช้เวลาไม่นาน แค่เก้าโมงเช้าก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว....
ต่อจากนั้นก็เป็นการปั่นจักรยานเที่ยว ใช้เวลาทุก ๆ นาทีอย่างมีคุณค่า พอดีมีตลาดนัดเกษตรกรให้ได้เที่ยวชม ผมได้คุยกับชาวสวนเมืองพิษณุโลกวัยเดียวกันอย่างคนรู้ใจ...
ก่อนที่จะปั่นจักรยานไปพระราชวังจันทร์...
ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๓ |
กดชัตเตอร์อย่างเมามัน วันที่ ๑๖ ช่วงเช้าเที่ยวจนแบต ฯ หมด ต้องกลับไปชาร์จที่ที่พัก ผมนอนหลับรอ ๒ ชั่วโมงกว่าแล้วออกปั่นต่อ...
ช่วงบ่ายเป็นการทัวร์วัด ผมตามเก็บวัดสำคัญ ๆ ได้หมด...
แถมยังได้แวะไปกินขนมจีนน้ำยากับลอดช่องไปรษณีย์ที่มีชื่อ...
วันรุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้า ปั่นจักรยานจากที่พักไปยัง "ถานีพิดโลก"
ขึ้นรถไฟฟรีขบวน 407 กลับบ้าน...
ลืมสิ้นในความเมื่อยล้าและเจ็บปวด... ผมเก็บภาพแห่งความประทับใจกลับมาเพียบเลย!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น