ข้อแรกนั้นเกี่ยวกับไฟฉายที่คุณบิมให้มา หลังจากชาร์จเต็มแล้วผมนำใส่เป้ไปแค่เพียงตัวไฟฉายและถ่าน ไม่ได้พกที่ชาร์จไปด้วย ทำให้ผมปั่นจักรยานฝ่าความมืดไปตามท้องถนนทั้งที่พิษณุโลกและอุบลราชธานีได้ไม่เต็มที่ ต้องประหยัดไฟและพยายามยืดอายุการใช้งานให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ บางครั้งเมื่อไม่มีรถวิ่งผ่าน ผมก็ต้องปิดสวิช เช้ามืดในวันที่ต้องปั่นจากเมืองอุบลราชธานีไปสถานีรถไฟ ความสว่างจากแสงไฟฉายลดลงมากแล้ว หากผมติดที่ชาร์จไปด้วย ก็คงชาร์จไฟให้เต็มก่อนออกเดินทาง
ข้อที่สองคือลืมไฟท้ายจักรยาน คือเจ้าไฟสีแดงแว็บ ๆ ที่ติดไว้ข้างหลัง! ซึ่งเป็นเรื่องน่าเขกหัวตัวเอง!!
ข้อสุดท้ายคือ ผมดูตารางเดินรถไม่ละเอียด ทั้ง ๆ ที่ก่อนออกเดินทางก็ได้เข้าเว็บการรถไฟ ดูกำหนดเวลาการเดินรถสายตะวันออกเฉียงเหนือเอาไว้แล้วนะ...
วันที่ ๑๑ ตุลาคม ผมเดินทางถึงสถานีรถไฟอุบลราชธานีตอนตี ๔
ก็ได้เดินไปดูป้ายกำหนดเวลาเดินรถแล้วนะ (ยังถ่ายรูปไว้ด้วย) แต่ผมกลับมิได้ใส่ใจว่ารถเร็วฟรีขบวน 146 ออกจากสถานีอุบลราชธานีออกเวลา ๐๘.๔๕ น.
ดันไปจำใส่ใจไว้ว่ารถเร็วออกจากอุบลคือ ๐๖.๐๕ น. (สับสนกับขบวนอื่น) มันทำให้เช้าวันที่ ๑๓ ตุลาคม ผมต้องลุกจากที่นอนก่อนตี ๔ เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยังสถานีรถไฟอุบลราชธานี...
ผมปั่นจักรยานฝ่าความมืดระยะทาง ๑๐ กว่ากิโลเมตรไปยังสถานีรถไฟในอำเภอวารินชำราบโดยคิดว่ารถไฟออกตอน ๖ โมง...
จริง ๆ แล้วรถไฟออกเกือบ ๙ โมง หากผมดูตารางเดินรถให้ดี ก็คงไม่ต้องปั่นออกจากอุบลฯ เช้ามืดเช่นนี้...
ไปถึงสถานีรถไฟอุบลราชธานีตอนตีห้า แล้วได้แต่รอๆๆๆ
นั่งบนไม้หมอนแข็ง ๆ กว่า ๓ ชั่วโมง....
เสียเวลาไปนั่งดูเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดตู้รถก่อนที่จะอนุญาตให้ผู้โดยสารขึ้นนั่ง...
๗.๐๔ น. ผมได้รับตั๋วมาแล้ว ระบุว่ารถออกเวลา ๐๘.๔๕ น...
ข้อผิดพลาดในทริปนี้มีแค่ ๓ ข้อเอง แล้วก็มิได้ร้ายแรงอะไรด้วยครับ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น