วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

Ferry to Penang


ใน One of those days ผมเคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องเรือข้ามฟากไปเกาะปีนัง (Ferry to Penang) ไว้ว่า…
ผมเกิดที่ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอภาษีเจริญ ฝั่งธนฯ แม่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนที่ยังเล็กมาก ๆ ผมเคยตกน้ำในคลองบางแวก แต่แม่คว้าตัวไว้ได้ทัน นับเป็นอุบัติเหตุทางน้ำครั้งแรกในชีวิตของผม!
ผมได้เข้าเรียนชั้นประถม 1-2 ที่โรงเรียนประสาทวิทยาอนุชน (สามแยกท่าพระ) พ่อแม่ซึ่งอพยพไปทำมาหากินที่เชียงใหม่ได้ฝากให้ผมอาศัยอยู่กับน้าชาย ซึ่งมีบ้านไม้สองชั้นเก่า ๆ อยู่ในสวน จากบ้านนั้น.. ถ้าข้ามท้องร่องแล้วเดินลัดเลาะออกไปจนถึงท่าเรือข้ามฟาก ก็จะสามารถข้ามไปถึงตลาดพลู แล้วยังเดินทะลุไปได้ถึงถนนเทอดไทย อย่างไรก็ตาม… ผมยังเด็กเกินกว่าที่จะจำอะไรได้เป็นเรื่องเป็นราว คงมีบางเหตุการณ์เท่านั้นที่ยังจำได้ อย่างเช่น คืนที่เกิดไฟไหม้ตลาดพลู ซึ่งทำให้ผมเกิดความกลัวอย่างที่สุด!
เกี่ยวกับน้ำ… ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าว่ายน้ำเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ยังจำได้ถึงภาพที่เคยกระโดดน้ำตูม ๆ ว่ายไปเกาะท้ายเรือพ่วง ภาพหมาเน่าลอยมาจนผมต้องพุ่งตัวหลบแทบไม่ทัน ภาพเรือหางยาวแผดเสียงดัง วิ่งฉิว กรีดน้ำกระจาย ส่งคลื่นไปทำให้เรือลำน้อยของพระภิกษุซึ่งกำลังพายเข้าเทียบท่าโคลงเคลง อย่างน่ากลัว หรือแม้กระทั่งภาพความอ้อยอิ่งของเรือสินค้าที่ลอยลำอยู่บนผิวน้ำ  มันเป็นภาพในอดีตที่บอกว่าผมคือ “ลูกน้ำคลอง”
ผมไม่เคยรู้สึกกลัวเลยที่จะลงเรือ จำได้ว่าคืนหนึ่งผมกับเพื่อนคนหนึ่งลงเรือหางยาวเพื่อจะไปเยี่ยมหลวงพ่อและ อาที่วัดนก (ใกล้กับพาณิชย์ธนฯ) ระหว่างที่เรือวิ่งข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ฝ่าความมืดไปตามลำคลอง ผมสังเกตเห็นสีหน้าและความความเงียบงันของเพื่อนแล้ว ยังอดแปลกใจไม่ได้ พอได้ทราบทีหลังว่าว่ายน้ำไม่เป็น ผมจึงได้ถึงบางอ้อ รู้สึกผิดที่ทำให้เพื่อนต้องเสียว…
ต่างกับผม.. เพราะยามใดก็ตามที่มีโอกาสได้โดยสารเรือ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ผมจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ไม่กลัวภัยอันตรายซึ่งแฝงกายอยู่ข้างใต้นั้นเลย อย่างเช่นเมื่อครั้งที่ผมเดินทางพร้อมจักรยาน(เจ้าอามุย)ด้วยเรือข้ามฟากไปยังเกาะปีนัง เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๐
ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๘  มาเลเซียได้เปิดใช้สะพาน Penang Bridge เชื่อมต่อระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเกาะปีนัง ด้วยความยาว ๑๓.๕ กิโลเมตร เค้าบอกว่าเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยาวเป็นอันดับสามของโลก ผมก็เพียงแค่ได้เห็น แต่ไม่มีโอกาสได้ข้าม ตัวเองพร้อมกับจักรยานต้องใช้บริการเรือ ferry ข้ามจากฝั่ง Butterworth ไปยังเกาะปีนังหรือ Grorge Town แม้จะเคยมีประสบการณ์นั่งเรือโดยสารขนาดใหญ่จากกรีซไปยังอิตาลี หรือนั่งอยู่บนรถโดยสารซึ่งวิ่งลงไปอยู่บนเรือที่จะไปยัง Dover ประเทศอังกฤษ กับรถยนต์มากมายทั้งเล็กและใหญ่ที่วิ่งลงไปอยู่บนเรือ ผมรู้สึกเฉย ๆ แต่วันนั้นพอได้จูงจักรยานลงเรือข้ามไปยังเกาะปีนัง ผมกลับรู้สึกตื่นเต้นและประทับใจสุด ๆ
ค่าเรือ…ผมจำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่ แต่ไม่แพงหรอก ขาไปต้องจ่าย ขากลับไม่ต้อง น่าเสียดายที่ระหว่างแล่นเรือผมต้องอยู่กับจักรยานเพื่อนยาก ไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปนั่งกินลมอยู่ชั้นบน ดูรูปสิครับ น่าตื่นเต้นดีออก…..
การเดินทางครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี ๒๕๓๐ หลังจากนั้นอีก ๒๒ ปี…ผมถึงได้มีโอกาสนั่งเรือข้ามฟากไปเกาะปีนังอีกครั้ง…


วัน ที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๒ ผมเดินทางออกจากสิงคโปร์ด้วยรถไฟตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๕ น. ถึงสถานี Central KL เวลา ๑๕.๒๐ น.  แต่ผมไม่ได้ลงที่ KL เพราะเคยอยู่เที่ยวมาแล้ว ๓ วัน ผมนั่งรถต่อไปยังสถานีปลายทางคือ Butterworth   เวลา ๑๘.๒๑ น. ถึงสถานี Ipoh ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว มีคนลงมากมายจนโบกี้ที่ผมนั่งมีผู้โดยสารเหลือแค่ ๕ คน เห็นสองข้างทางแล้ว..ผมคิดถึงตอนที่ปั่นจักรยานผ่านเมือง Ipoh


จาก Ipoh รถไปถึงสถานี Kuala Kangar เวลา ๑๙.๐๗ น. ผมบันทึกว่า “ฟ้าแดงแล้ว..เหลืออยู่แค่ ๒ คนในตู้…อากาศหนาวจนคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าต้องเอาเสื้อหนาวมาใส่ รถไฟทำท่าว่าจะจอดแต่ไม่จอด วิ่งต่อไป  มองออกไปข้างนอกไม่เห็นอะไรแล้ว นอกจากแสงไฟฟ้าเป็นจุด ๆ…”



ถึง Butterworth ตรงเวลา ผมลงจากรถไฟแล้วเดินตามขบวนผู้โดยสารไปยังท่าเรือข้ามฟาก เดินไปเรื่อย ๆ จนถึงทางผ่านซึ่งมีเครื่องเก็บค่าโดยสารตั้งอยู่ พอหยอดเงินจำนวน ๑.๒๐ เหรีียญลงไปก็จะสามารถเดินผ่านที่กั้นไปได้

ผู้โดยสารกำลังรอลงเรือ...

ที่นั่งบน Ferry to Penang
ขณะนั้นมืดแล้ว…ระหว่างที่เรือกำลังมุ่งหน้าสู่ George Town ผมเห็นแต่เพียงแสงไฟที่อยู่ไกล ๆ



นั่นคือประสบการณ์บน Ferry to Penang ครั้งที่สองของผม…

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น