เรียกการท่องเที่ยวที่มีจักรยานพับติดตัวไปด้วยว่า "FB Trip" หรือ "Folding Bike Trip" ... ผมมีความเชื่อมั่นว่ามันจะทำให้การเดินทางคล่องตัว สะดวก และสามารถท่องโลกได้เจาะลึกกว้างไกลยิ่งขึ้น แถมยังช่วยให้ประหยัดเงินค่าโดยสารได้อีกด้วย...
เจ้า Coyote เป็นจักรยานพับโครงเหล็กคันแรกที่ผมใช้ มันมีล้อขนาด ๑๖ นิ้ว ซื้อต่อมาอีกทีนึงในราคา ๒,๐๐๐ บาท ผมเริ่มค้นหาข้อดีข้อเสียเกี่ยวกับ FB Trip โดยนำมันขึ้นรถเมล์เขียวจากลำปางไปปั่นที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย...
ตอนแรกยังคงต้องซื้อกระเป๋ามาใส่แล้วหิ้วขึ้นรถไป...
พอถึงจุดหมายจึงค่อยนำจักรยานออกจากกระเป๋า ปัญหาคือเมื่อกางจักรยานออกพร้อมปั่น ยังเหลือกระเป๋าที่ใช้ใส่มา ผมต้องพกไปด้วยพร้อมกับเป้สะพายหลัง มันเกะกะและทำให้การปั่นจักรยานพับคันเล็กไม่สะดวกเท่าที่ควร อย่างใดก็ตามเมื่อได้ที่พักแล้ว การปั่นจักรยานออกเที่ยวก็สามารถทำได้ง่าย มันพาผมไปได้ทุกที่...
ต่อมาผมพาเจ้า Coyote ใส่กระเป๋าหิ้วขึ้นรถเมล์เขียวไปเชียงใหม่ จำได้ว่าระหว่างทางพนักงานสาวเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นพ่อค้า เธอถามว่าจะไปขายอันหยัง? หุหุ ไม่รู้รึว่ามีจักรยานอยู่ในกระเป๋า? หนักหน่อยเมื่อผมนำมันใส่รถไฟไปอุตรดิตถ์... เที่ยวเมืองลับแลแล้วปั่นขึ้นไปจนถึงน้ำตกแม่พูล
ผมใช้เจ้า Coyote มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งยกให้หลานชายเอาไปใช้ที่เชียงใหม่ ว่างเว้นไปหลายเดือนจนในที่สุดได้ตัดสินใจสั่งซื้อจักรยานพับยี่ห้อ ฺBanian รุ่น Haima H9 ราคาไม่ถึงหมื่นมาให้เป็นรางวัลชีวิตแก่ตัวเอง
จักรยาน ๙ สปีดโครงอลูมิเนียมของจีน คอปรับไม่ได้ บันไดก็พับไม่ได้ ล้อใหญ่กว่าเดิมคือ "๒๐ นิ้ว" มีแกนล้อแบบปลดเร็วทั้งคู่ นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรพิเศษ มันไม่แข็งแรงบึกบึนเหมือนรถราคาแพง แต่สำหรับผมแล้วมีข้อดีคือน้ำหนักเพียง ๙ กิโลกรัม ใช้เวลากางหรือพับเก็บไม่เกิน ๑ นาที!
ผมทดลองนำเจ้า Haima ขึ้นรถไฟขบวนท้องถิ่นไปลงลำพูนและเชียงใหม่ แล้วปั่นด้วยระยะทางประมาณ ๑๐ - ๒๐ กิโลเมตรให้คุ้นเคย จากนั้นก็เริ่มต้นทริปแรกด้วยการนำมันใส่รถไฟไปลงอุตรดิตถ์ ต่อรถยนต์โดยสารไปลงบ้านโคก แล้วปั่นไปด่านภูดู่เพื่อเข้าลาว ดังที่ได้นำประสบการณ์น่าประทับใจมาเขียนเล่าให้เพื่อน ๆ ได้อ่านแล้ว...
ครั้งล่าสุดผมก็ได้อาศัยเจ้าจักรยานพับคันนี้แหละ เดินทางจากบ้านห้างฉัตร ขึ้นรถไฟ ๒ ต่อ ไปลงที่สถานีหลักสี่ กทม. แล้วปั่นไปร่วมงาน wedding concert ของ ดร.หมอน และคุณกระต่ายที่หอประชุมไปรษณีย์ไทย....
จักรยานพับคันนี้สามารถพาผมเดินทางจากบ้านห้างฉัตรไปถึงหน้างานได้อย่างไม่น่าเชื่อ!
ผมได้แสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว ฟังเพลงเพราะ ๆ และสัมผัสชีวิตของคนกรุงเทพ...
จากนั้นก็ปั่นจักรยานกลับไปสถานีหลักสี่...
ซื้อตั๋วรถด่วนขบวนสุดท้าย (กรุงเทพ - เชียงใหม่) ต้องนำจักรยานขึ้นรถด่วนเป็นครั้งแรก ผมไม่มั่นใจว่าจะมีที่ให้ไว้จักรยานหรือเปล่า? รู้แต่ว่ามีพื้นที่ว่างระหว่างที่นั่งน้อยมาก ระหว่างรอรถรู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อย!
ในที่สุดก็ยิ้มออก เมื่อเจ้าจักรยานน้ำหนักแค่ ๙ กิโลกรัมสามารถนำขึ้นไปเก็บไว้บนชั้นวางสัมภาระเหนือหัวได้อย่างสบาย ๆ...
ล็อคไว้อย่างแน่นหนา...
พาลงที่สถานีนครลำปาง...
แล้วปั่น ๑๔ กิโลเมตรกลับบ้านที่ห้างฉัตรได้โดยไม่ต้องใช้บริการรถยนต์สาธารณะเหมือนทุกครั้ง!
ถึงวินาทีนี้ผมยืนยันได้แล้วว่าจักรยานพับที่สามารถหนีบเข้ารักแร้พาขึ้นรถไฟหรือใส่รถทัวร์ จะพาเพื่อน ๆ ท่องโลกได้อย่างสบาย... ไปที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าในเมืองไทยหรือต่างแดน!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น