วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2567

พระปางเปิดโลก วัดเตาปูน จ.ลำปาง

ปี 2557 ผมเขียนเรื่องวัดเตาปูน อ.ห้างฉัตร จ.ลำปางลง ลงในบล็อกท่องโลก พร้อมกับภาพของสิงห์และเทวดาบนกำแพงรั้ว...

 

วันศุกร์ 13 เดือนธันวาคม 2567 มีโอกาสได้ผ่านมา ผมเห็นรูปปั้นสิงห์ขนาดใหญ่นั่งอยู่บนฐานซึ่งสร้างขึ้นมาแทนที่เสารั้วเดิม...ต้องหยุดแวะเยือนอีกครั้ง

 

 

 
อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง (under construction) ยังคงต้องเขียนลวดลายลงบนตัวสิงห์และฐานปูน ผมเห็นนายช่างหรือสล่า 2 คนกำลังง่วนอยู่กับงานตกแต่ง...
 



 
มองเข้าไปที่หน้าโบสถ์ซึ่งแต่ก่อนเคยมีแค่เพียงบันไดมกรคายนาค วันนี้ผมเห็นพระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ประทับยืนอยู่ข้างหน้า...
 
ภาพอุโบสถวัดเตาปูนเมื่อปี 2557
 
 
เป็นพระพุทธรูปปางเปิดโลกซึงสร้างไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่รู้?  วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี กล่าวว่า...
ปางเปิดโลก เป็นพระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบถยืนอยู่บนดอกบัว พระหัตถ์ทั้งสองห้อยลงข้างพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองออกไปข้างหน้า เป็นกิริยาทรงเปิดโลก บางแบบยกฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองขึ้น มีพระอินทร์ พระพรหม อยู่ฝั่งซ้ายและขวา และมีพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร ทำกริยากราบพระองค์อยู่
ประวัติ - เมื่อครบกำหนด 3 เดือนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปจำพรรษาโปรดพุทธมารดา จึงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระพุทธองค์ทรงทำโลกวิวรณปาฏิหาริย์ คือ ทรงเปิดโลกทั้ง 3 อันได้แก่ เทวโลก ยมโลก และมนุษยโลก ให้มองเห็นถึงกันหมดด้วยพุทธานุภาพ เหล่าเทวดาในสวรรค์มองเห็นมนุษย์และสัตว์นรก มนุษย์มองเห็นเทวดาและสัตว์นรก สัตว์นรกมองเห็นมนุษย์และเทวดา แล้วจึงเสด็จลีลาลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์สู่สังกัสสนคร ในวันมหาปวารณา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11)


10 ปีผ่านไป...วัดเตาปูนโตไวจริง ๆ 

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ข้างในวิหารวัดสวนป่าทุ่งเกวียน

รั้งแรกที่ได้เยือนวัดสวนป่าทุ่งเกวียน ตาแก่บ้านห้างฉัตรขับรถกระป๋องมากับเจ้าอู่หลง...

วันนั้นประตูวิหารปิดอยู่...ไม่ได้ดูข้างใน

หลังจากนั้นอีก 2 สัปดาห์ก็ปั่นจักรยานมาอีก (โดยไม่มีเจ้าตัวยุ่ง) โชคดีที่ประตูหน้าต่างเปิดอยู่ ผมบอกใหัสหัสเดชยืนรอแล้วเดินไปถ่ายรูปในวิหาร

แสงแดดยามบ่ายสาดส่องมายังมุขด้านหน้า...

ผ่านประตูเข้ามา...ได้เห็นภายในวิหารแล้ว


ขออภัย...ใจและมือไม่นิ่ง ทำให้ได้ภาพที่ไม่ชัด!!



การก่อสร้างอุโบสถยังคงดำเนินต่อไป

ได้เจอนายช่างผู้ก่อสร้างด้วย สล่ากำลังไสไม้ทำบานประตูโบสถ์อยู่นั่น


วันนี้ไม่ได้เห็นพระหรือเณรแม้แต่รูปเดียว!

สหัสเดชประเดิมถนนใหม่

ช้านี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดเมื่อยทั้งตัว หลังจากไปทดสอบตัวเองและจักรยานบนเส้นทางโหดไปอ่างเก็บน้ำแม่ป๋อน 


สรุปแล้วคิดว่าร่างกายของตาแก่บ้านห้างฉัตรนั้นเสื่อมถอยลงมาก อาการเวียนศีรษะมักจะเกิดขณะอยู่บ้าน แต่ก็น่าแปลกที่พอออกไปปั่นจักรยานไม่ว่าใกล้หรือไกล ความรู้สึกว่าโลกโคลงเคลงกลับหายไป? เป็นที่มั่นใจว่าเมื่อเวลาแห่งการเดินทางสู่ฉากสุดท้ายในชีวิตมาถึง อาการต่าง ๆ ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการเดินทางที่ไม่มึจุดวกกลับของผม...

สำหรับสหัสเดชนั้น สมรรถภาพจัดว่าดีเยี่ยม ด้วยน้ำหนักเบาและโครงสร้างที่ดี อุปกรณ์ที่ใช้แม้ว่าจะมิใช่ระดับสุดยอด แต่ผมก็เลือกใช้ให้เหมาะสมกับการเดินทางอันยาวนานและค่อนข้างลำบาก เท่าที่ผ่านมาเจ้ายักษ์ขาวทำงานได้ราบรื่น (มีเพียงอย่างเดียวที่จะต้องเปลี่ยนก่อนการเดินทางไกลคือ ชุดจานหน้า (crankset) ซึ่งยังคงทำงานไม่สมบูรณ์นัก)...

วันนี้แทนที่จะได้หยุดพักผ่อนสบาย ๆ ผมกับสหายสหัสเดชกลับต้องเข้าเมืองอีก เราเดินทางไปกลับประมาณ 32 กิโลเมตรใช้เวลา 2 ชั่วโมง...

 
ออกจากร้านเปียโนห้างฉัตร (1) เก้าโมงครึ่ง ไปทำธุระที่ธนาคารกรุงไทย (2) ก่อน...  

จากนั้นก็ใช้เวลาขากลับ ปั่นเที่ยวเลียบทางรถไฟ จากธนาคารผมปั่นไปสะพานเฉลิมพระเกียรติ (3) ข้ามแม่น้ำวัง...

หยุดถ่ายรูปสะพานดำไว้หน่อย... 

ผ่านชุมชนบ้านสบตุ๋ยแล้วเลี้ยวขวา 

ขี่จักรยานแบบสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ จนถึงถนนเลียบทางรถไฟ ถนนบ้านทับหมาก-บ้านป่ายะ (4) ตาแก่บ้านห้างฉัตรเลี้ยวซ้ายแล้วปั่นชื่นชมกับบรรยากาศสองข้างทาง...

 

เห็นรางรถไฟอยู่ซ้ายมือ...

 เจอร้าน 7-11 เปิดใหม่ ผมแวะถ่ายรูปเอาไว้ลง Google Maps 

แวะไปถ่ายรูปโบสถ์วัดบ่อแฮ้วซึ่งเคยมาเมื่อ 7 ปีที่แล้ว..

 

 เห็นบ้านดอกไม้งาม ตลาดสดบ้านบ่อแฮ้ว...ถ่ายรูปไว้หน่อย ต่อไปคงไม่ได้มาเห็น?

 

เลี้ยวซ้ายผ่านทางข้ามรถไฟ (railway crossing) ก่อนเลี้ยวขวามุ่งหน้าไปห้างฉัตร...

ผมปั่นมาจนถึงถนนซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จ เป็นถนนขนานกับทางรถไฟเช่นกัน นับเป็นโอกาสดีที่ให้สหัสเดชได้ลองวิ่งประเดิม...


เส้นจราจรยังใหม่ซิง ๆ อยู่เลย!!
 
 
เลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งไปจนสุดทางถนนใหม่ ผ่านทางเข้าสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเพื่อการศึกษาจังหวัดลำปาง (5) เห็นหลังคาบ้านครูน้อยมือกลองอยู่ด้านขวามือ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรทะลุออกถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ลำปาง-เชียงใหม่ (6)
 
 
เห็นร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณซึ่งโด่งดังในอดีต (7) แต่บัดนี้ปิดตัวลงและกำลังประกาศขาย ด้วยเศรษฐกิจทำพิษ นักลงทุนจากต่างจังหวัดใครจะคิดว่าต้องมาล้มครืนในเมืองปราบเซียน...
 
 
 
ปั่นจักรยานผ่านบ้านตรีทอง (8) ซึ่งอยู่ฝั่งขวามือ...ผมหยุดถ่ายภาพไว้ 1 บาน คิดถึงสัจธรรมข้อที่ว่าทุกอย่างเป็นอนิจจัง เคยรู้เคยเห็นว่าคุณบุญชู ตรีทอง คืออดีตนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง แต่ปัจจุบันนี้ไม่ได้ข่าวของท่านเลย 

รู้สึกปลงในชีวิต... ผมปั่นจักรยานจนถึงเนินสุดท้ายก่อนถึงสี่แยกห้างฉัตร มองลงไปเห็นป้ายเส้นทางที่เพิ่งติดตั้งใหม่...

 
ป้ายบอกทางชัดเจน ตรงทางแยกข้างหน้าก็บ้านผมแล้ว...
 
 
 
ถึงบ้าน...เปิดประตู "อู่หลง" ผู้รอคอยโผล่หัวพุ่งออกมาจากช่องประตูที่เปิดออก ส่งเสียงร้องประดุจว่าจากกันมาแรมปี
 
 
นาฬิกาที่ห้องนอนบอกเวลา 11 โมงครึ่ง... 
 

ได้เวลาเตรียมอาหารให้ตัวเองและอู่หลงพอดี!