วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

พระมหาจักรพรรดิสีแดง

วัดกู่มอญสันกลางบุญมาราม ตำบลบ่อแฮ้ว อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ทาสีแดงประดิษฐานอยู่หน้าวิหาร...

ด้วยความสงสัยใคร่รู้ ผมสอบถามไปยัง facebook ของทางวัด ปรากฏว่ายังไม่ได้รับคำตอบ จึงลองค้นคว้าในอินเทอร์เน็ต พอจะได้ความว่าลักษณะที่เห็นเป็นพระพุทธรูปมหาจักรพรรดิปางเปิดโลก...

พระพุทธรูปปางเปิดโลกเป็นพระพุทธรูปในพระอิริยาบถประทับยืนอยู่เหนือดอกบัว พระหัตถ์ทั้งสองห้อยลงข้างพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองออกไปข้างหน้า เป็นกิริยาทรงเปิดโลกบางแบบยกฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองขึ้นถือว่าเป็น‘พระแห่งปัญญา’ให้มีสติปัญญาดี มีความฉลาดหลักแหลม 

พระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่คือ สวมมงกุฎชัย กุณฑล กรองศอ สังวาล ทับทรวง พาหุรัด ปั้นเหน่ง ที่วัดนี้ทาสีแดงคงประสงค์ให้ดูคล้ายพระแก้วแดงองค์เล็ก...

ภาพจาก tairomdham.net -ขอขอบคุณ

 ผมเก็บภาพมาฝากเพื่อน ๆ แล้วดังนี้...

 
 

ข้อมูลนี้อาจไม่ถูกต้อง หวังว่าท่านผู้รู้จะได้แนะนำ!

ภาพเก็บตกวัดกู่มอญสันกลางบุญมาราม

ขอโพสต์ภาพเก็บตกวัดกู่มอญสันกลางบุญมารามอีกสักนิดนะครับ วัดทุกวัดมีอะไรดี ๆ ให้สำรวจอยู่เสมอ... 

 
 ไม่ว่าจะเป็นในดวงตาพญานาคหรือเพดานปากข้างหลังลิ้น...
 
 
 
  
 
 
 
 
 

 
 
 
หอระฆังกำลังสร้าง...
 




 เพื่อน ๆ มองเห็นตุ๊กแกมั้ยครับ?

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

วิหารครูบาเจ้าบุญมา

ครูบาเจ้าบุญมา สุภทฺโท ต้นบุญแห่งเมืองพญาลือ ได้พัฒนาวัดร้างที่บ้านสันกลาง ตำบลบ่อแฮ้ว อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมบ้านสันกลาง โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ ๗ มภาพันธ์ ๒๕๕๓...

 
 
 
 ประวัติหลวงพ่อพระครูมงคลบุญญาคม (ครูบาบุญมา สุภทฺโท)

ครูบาบุญมา มีนามเดิมว่า บุญมา นามสกุล ตามปัญญา เกิดเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๗ ขึ้น ๔ ค่ำ ปีใจ้ (ชวด) บิดาชื่อ นายมี มารดาชื่อนางเอ้ย นามสกุล ตามปัญญา อยู่บ้านเลขที่ ๓๐ หมู่ ๕ ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด ๖ คน มีพี่ ๒ คน น้อง ๓ คน หลวงพ่อครูบาบุญมาเป็นบุตรคนที่ ๓

เมื่ออายุได้ ๗ ปี ได้เข้ารับการศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับในสมัยนั้น พออายุได้ ๑๕ ปี จึงได้บรรพชาบวชเป็นสามเณรที่วัดบ่อส้ม ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง...

 อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ ๒๐ ปี เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๗ เวลา ๑๓.๑๐ น. ณ วัดสาหลวง ต.บ้านสาโดยมี พระครูโถมณียคุณ (อดีตเจ้าคณะอำเภอแจ้ห่ม เจ้าอาวาสวัดบ้านเป้า อ.เมือง) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสุข คมฺภีโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระตัน สุทินฺธโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุภทฺโท” เมื่ออุปสมบทแล้วได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก

สำหรับการศึกษาวิชาอาคมนั้น ท่านร่ำเรียนมาจากพระอุปัชฌาย์ของท่านก่อน โดนเน้นการเรียนวิปัสสนากรรมฐานและลงอักขระแผ่นยันต์ ต่อมาได้เข้าเรียนวิปัสสนากรรมฐาน ณ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเป็นศิษย์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภะเถระ) และพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ปธ.๙) ทั้งยังได้ศึกษาเล่าเรียนวิปัสสนากรรมฐานกับครูบาธรรมชัย วัดปงสนุก อ.เมือง จ.ลำปาง อยู่หลายปี และได้เข้าไปปฏิบัติธรรมตามแนวของครูบาเจ้าเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ โดยยึดหลักปฏิบัติตามแนวทางของครูบาเจ้าเกษม มาตลอด

หลังจากนั้น หลวงพ่อครูบาบุญมา จึงออกหาความรู้เพิ่มเติม และได้มีโอกาสได้ศึกษาวิชาอาคมกับ หลวงพ่อครูบายอดใจ สิริโย เจ้าอาวาสวัดทุ่งเกวียน อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ซึ่งเป็นพระเกจิที่มีชื่อดังในขณะนั้น จนมีความรู้แตกฉานเป็นอย่างดี และได้ไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับ ครูบาพรหมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ซึ่งเป็นสำนักเรียนวิปัสสนากรรมฐานสำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น

ครูบาบุญมา สุภทฺโท ชอบความสันโดษ อารมณ์ดี คำพูดของท่านส่วนมากจะเป็นปริศนาธรรม (ปัญหาดิบ) ผู้คนไปหาท่านส่วนมากมักจะได้โชคลาภกันบ่อย ท่านมีคามเมตตาต่อคนทั่วไป ไม่ชอบโอ้อวดในคุณวิเศษของตัวเอง เคารพนับถือครูบาอาจารย์เป็นที่สุด โดยเฉพาะครูบาเจ้าเกษม เขมโก

(ที่มา - facebook วัดกู่มอญสันกลางบุญมาราม).

ภาพจากลานนาโพสต์ - ขอขอบคุณ

หลวงปู่บุญมาได้มรณภาพละสังขารด้วยอายุ ๙๓ ปี พรรษา ๗๓ วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ เวลา ๒๑.๑๕ น. สรีระของท่านบรรจุโลงแก้วตั้งไว้ในสาธุชนกราบไหว้เคารพบูชาอยู่ที่ศาลาหลังยาว (2) วัดกู่มอญสันกลางบุญมาราม...

 

ใกล้ ๆ กันมีวิหารครูบาเจ้าบุญมา (3) ตั้งอยู่ ผมเก็บภาพมาฝากเพื่อน ๆ แล้วดังนี้...

 

 

 

 
  

สาตุ๊ ๆๆ   ไผได้ก๋ายได้ใกล้ แวะมากราบไหว้เน้อ....

วิหารวัดกู่มอญสันกลางบุญมาราม

ผมขออนุญาตใช้ชื่อ "วัดกู่มอญสันกลางบุญมาราม"  ตามที่ปรากฏบนแผ่นป้าย กับอดีตสำนักปฏิบัติธรรมบ้านสันกลาง จังหวัดลำปาง นะครับ

 

เคยได้เห็นตอนที่วิหารกำลังก่อสร้างเมื่อ ๔ ปีก่อน ตอนนี้เสร็จสมบูรณ์ ดูงดงามยิ่ง...


 

 วิหารงามปานวิมานเทพ มีบันไดมกรคายนาคขึ้นสู่โถงมุขหน้า...

 ทักทายท่านนาคาก่อนครับ....

 

มองผ่า่นฟันขาว เห็นถึงเพดานปาก...

 

ช่อฟ้าใบระกาแลหน้าบันลวดลายวิจิตร...

 

 

 

 

  

ตาแก่เมืองรถม้าถอยออกห่าง แล้วเดินปทักษิณารอบวิหาร เก็บภาพมาฝากเพื่อน ๆ แล้วดังนี้...

 

 

  

ด้านหลังวิหารงดงามด้วยจิตรกรรมฝาผนัง...

 

  
 
 
  
มีรูปเขียน "เจ้าสหัสเดช" ด้วยรึเนี่ย?

 
 
ผนังวิหารด้านหลังไม่มีทางเข้า แต่ประตูมาอยู่ด้านข้าง มีบันไดมกรคายนาค ๕ ขั้นสู่บานไม้ลงรักปิดทอง...
 
 
    


โน่นงัย! เจ้าสหัสเดชยืนรออยู่หน้าวิหาร...
 
 
 
อยากให้มาเห็นรูปตัวเองที่ผนังหลังวิหารจังเบย...อิอิ