วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561

FB Trip ไปมะละกา - ทำไมถึงผิดหวัง

วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๓๐ ผมส่งไปรษณียบัตรจากมะละกาถึงแม่ที่เชียงใหม่ แม้ว่าทุกวันนี้แม่ปราณีได้จากไปแล้ว แต่พอผมนำการ์ดใบนี้ออกมาอ่าน ภาพชีวิตของเราสองแม่ลูกก็ปรากฏชัดขึ้นในสมอง... 


เพื่อน ๆ ผู้ที่ได้ติดตามเรื่อง "FB Trip ไปมะละกา" ของผม อาจไม่เข้าใจว่าเหตุใดผมจึงผิดหวังมากมายถึงขนาดไม่ยอมถ่ายภาพเมืองแห่งมรดกโลกเอาซะเลย! อยากให้ลองมาเป็นผมดูบ้าง! ปั่นจักรยานลุยเดี่ยวไปสิงคโปร์เมื่อปี ๒๕๓๐ ผมเขียนบอกแม่ว่า... 
"เช้านี้ได้ซักกางเกงและเสื้อผ้าที่สกปรกทั้งหมดที่ธารน้ำเล็ก ๆ เบื้องล่างแล้วเอาขึ้นไปตากที่ราวเหล็กข้างทาง จากนั้นก็เอาขนมเค้กและผลไม้ออกมากินเป็นอาหารเช้า จดบันทึก เขียนจดหมาย และรอเวลาให้ผ้าแห้ง จากนั้นจึงจะออกเดินทางไปมะละกา ผมตั้งใจว่าจะพักที่มะละกาสัก ๑-๒ คืนแล้วมุ่งหน้าต่อไป เหลืออีกประมาณเกือบ ๓๐๐ กิโลเมตรเท่านั้น  ผมก็จะถึงสิงคโปร์ กล่าวคือผมเดินทางไปได้ ๒ ใน ๓ ของเส้นทางทั้งหมด หนทางที่ลำบากมาก ๆ ก็ผ่านมาแล้ว ต่อไปก็จะไม่ลำบาก เพราะไม่ต้องขึ้นภูเขาสูงดังที่ผ่านมาระหว่างปีนังกับกัวลาลัมเปอร์...."  

ยังครับ...ยังเห็นไม่ชัดว่ามะละกาเมื่อ ๓๑ ปีที่แล้วทำให้ผมประทับใจมากน้อยเพียงใด ต้องมาดูไปรษณียบัตรอีกฉบับ (ส่งที่ไปรษณีย์มะละกาในวันเดียวกัน)




ผมเขียนบอกแม่ว่า...
"ขณะนี้ผมมีความสุขจริง ๆ ครับ เพราะผมเดินทางถึงมะละกาแล้ว ผมขี่จักรยานออกจากตัวเมืองไปยังชายหาดซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งชื่อ "ยาชิก้า" ค่าพักคืนละ ๖๐ บาท ห้องที่ผมพักอยู่มีหน้าต่างติดชายหาด ห่างจากน้ำทะเลเพียงประมาณ ๘ เมตร มองเห็นทะเลไกลออกไปสุดสายตา ท้องฟ้าสีคราม เวลาดวงอาทิตย์ตกยิ่งสวยงามยิ่งนัก คลื่นที่ซัดเข้ามายังชายหาดก็ยังดังอยู่ไม่ขาดระยะ
ผมออกมานั่งที่บริเวณร้านอาหารของโรงแรมซึ่งยื่นออกไปในชายหาด ลมพัดเอื่อย ๆ สั่งกาแฟดำร้อน ๆ มากิน ๑ แก้ว แล้วนั่งเขียนไปรษณียบัตรนี้มาถึงแม่นี่แหละ ใส่กางเกงอาบน้ำตัวเดียว สวมเสื้อกล้าม รองเท้าฟองน้ำถอดไว้ที่พื้นแล้วยกเท้าวางไว้บนเก้าอี้ เหยียดขาตาสบาย เขียนไปก็เฝ้าดูพระอาทิตย์ตกดิน (ตกน้ำทะเล) ต่ำลง ๆ ทุกขณะ 
ตอนนี้ผมอยู่ห่างจากสิงคโปร์ประมาณ ๒๔๕ กิโลเมตรเท่านั้น ผมอาจจะพักที่นี่สัก ๓ คืนก็ได้ ตอนกลางวันผมจะขี่จักรยานเข้าไปในตัวเมือง เที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ของเขา พอตกเย็นก็ขี่กลับที่พัก นอนฟังเสียงคลื่น เปิดวิทยุ ใส่หูฟังเพลิน ๆ หลังจากที่ปั่นมาอย่างทรหดหลายวัน และตั้งเต็นท์นอนข้างทางก็หลายคืน อย่างนี้แล้ว...แม่จะไม่ให้มีความสุขได้ยังไงครับ?
มะละกาเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดของมาเลเซีย มีประวัติความเป็นมาได้เกือบ ๖๐๐ ปี ประชากรก็ประกอบด้วยกันหลายเชื้อชาติ แขก จีน อินโด ชวา และอื่น ๆ พวกโปตุเกสก็เคยยึดครองมะละกาอยู่นานถึง ๑๓๐ ปี ดังนั้นในเมืองจึงมีอะไรดี ๆ ให้ดูไม่น้อย...."

น่าเสียดายที่ไปมะละกาครั้งแรกผมไม่ได้นำกล้องถ่ายรูปไปด้วย มิฉะนั้นแล้วคงจะมีภาพมาให้เพื่อนได้ดูเป็นแน่แท้ อย่างไรก็ตามทริปไปมะละกาอีก ๒ ครั้งต่อมาก็พอจะมีภาพซึ่งผมสแกนมาให้เพื่อน ๆ ดูแล้วดังนี้ (ต้องขออภัยที่ไม่ชัด)...






















แล้วมะละกาทุกวันนี้เป็นเช่นไร?  ผมไม่มีภาพมาฝากเพื่อน ๆ ต้องขอนำภาพจาก google street views มาให้ดูแทนสัก ๓-๔ บาน... 


ภาพจาก google stree views (thanks!)

ภาพจาก google stree views (thanks!)

ภาพจาก google stree views (thanks!)

ภาพจาก google stree views (thanks!)

เพื่อน ๆ อยากดูให้เห็นชัด ๆ ก็เข้าไปดูใน google earth นะครับ...


Tanjung Kling ที่ผมเคยไปนอนดูพระอาทิตย์ตกน้ำเมื่อ ๓๑ ปี เคยบอกแม่ว่ามีชายหาด ตอนนี้มันไม่มีแล้วครับ...


ถ้าต่อไประดับน้ำทะเลสูงขึ้น เค้าไม่กลัวถูกน้ำท่วมกันเลยหรือเนี่ย?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น