สำหรับผมขอให้มีปากและจักรยาน การเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ยากแล้ว ผมไม่ต้องอาศัยจีพีเอส ไม่ต้องพกแผนที่หรือมี google maps...แค่สอบถามชาวบ้านว่าสถานีรถไฟไปทางไหน แล้วปั่นไปเรื่อย ๆ
ในที่สุดก็เห็นสถานีรถไฟปาเซมัส (Pasir Mas Railway Station) ซึ่งมีรูปแบบของอาคารและชานชาลาคล้ายกับสถานี Wakaf Bharu ทั้งรูปทรงและสีสัน...
เคยใช้บริการรถไฟมาเลเซียมาแล้ว ผมจึงรู้สึกคุ้นเคยและค่อนข้างคล่องตัว...ไปถึงก็นำจักรยานเข้าจอดพับตั้งแอบไว้
เดินไปที่เคาน์เต้อร์จำหน่ายตั๋ว สอบถามถึงรถไฟเที่ยวกลางคืนที่จะไป Gemas
คนขายตั๋วที่นี่เป็นชาย (ที่ Wakaf Bharu เป็นหญิง) ผมบอกว่าขอซื้อตั๋วรถกลางคืน (night train) ไปลง Gemas
ซื่อบื่อจริง ๆ ผมดันบอกว่าขอ third class เพราะจิตยึดติดกับตอนที่นั่งรถไฟจาก Wakaf Bharu ไป Kaula Krai คนขายตั๋วก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ออกตั๋วให้ในราคา ๓๔ ริงกิต เป็นรถขบวน 27 (Tumpat - Jahor Bahru) เข้าเทียบชานชาลาเวลา ๑๘.๓๒ น....
ลืมบอกเพื่อน ๆ ไปว่าทริปนี้ผมไม่ต้องแลกเงินริงกิต เพราะยังมีเหลือจากทริปก่อนอีกไม่น้อย
คิดจากอัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น ค่าโดยสารรถไฟจาก Pasir Mas ไป Gemas (๑๒ ขั่วโมง) ตกประมาณ ๓๐๐ บาท ก็ไม่แพงนะครับ!
ได้ตั๋วมาแล้ว ผมก็ยังคงคิดว่าเป็นรถนั่งธรรมดา ๆ แบบที่เอาจักรยานขึ้นไว้บนชั้นวางสัมภาระได้ ไม่ได้บอกคนขายตั๋วว่ามีจักรยานพับ ตั้งใจว่าเอาขึ้นรถก่อนแล้วค่อยว่ากัน อย่างมากก็คงแค่จ่ายค่าระวางเพิ่มบนรถ มีเวลาหลายชั่วโมง...ถ้าจะปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมือง (เหมือนกับที่ไปรอขึ้นรถไฟที่สถานีเด่นชัย) ก็ทำได้ แต่คิดว่า Pasir Mas คงไม่มีอะไรน่าสนใจ อยากจะนั่งพักมากกว่า ผมนำเป้มาวางไว้ที่รอผู้โดยสารแล้วนั่งรอ...
นั่งมองอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็หยิบกล้องมาซูมเก็บภาพที่เห็นไกล ๆ หรือไม่ก็ใกล้ตัว...
มันคือวิธีปรับเปลี่ยนความทุกข์จากการรอคอยให้มาเป็นความสุขของตาแก่เมืองรถม้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น