วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2563

วัดสามวิหาร พระนครศรีอยุธยา

เช้าวันหนึ่ง...ผมปั่นจักรยานไปถึง "วัดสามวิหาร" วัดโบราณอายุกว่า ๖๐๐ ปี ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา



สารานุกรมเสรีวิกิพีเดียให้ข้อมูลว่า...
วัดสามวิหาร สังกัดมหานิกาย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นในรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ (ขุนหลวงพระงั่ว) ประมาณ พ.ศ. ๑๙๒๐  ตั้งอยู่เลขที่ ๕๖ หมู่ ๔ บ้านคลองบางขวด ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บนเนื้อที่ ๑๔ ไร่กว่า เดิมชื่อ “วัดสามพิหาร” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “วัดสามวิหาร” เนื่องจากเดิมนั้นมี ๓ วิหาร คือวิหารพระนอน วิหารพระนั่ง และวิหารพระยืน แต่ปัจจุบันนี้เหลืออยู่ ๒ วิหารคือ วิหารพระนอนและวิหารพระนั่งเท่านั้น
จำได้ว่าวันนั้นผมมัวแต่คุยกับคุณลุงคนนึงที่หน้าอุโบสถ (1) ท่านชี้ให้ดูใบเสมาหน้าโบสถ์ซึ่งถูกลูกปืนใหญ่นารายณ์สังหารของพระยารามยิงปรากฏรอยอยู่

ภาพจาก google street views - thanks!

คุยกันเพลิน...จนลืมเก็บภาพอุโบสถ (1) และพระเจดีย์องค์ใหญ่ (3)


เพื่อเติมเต็มจึงต้องขออนุญาตนำภาพจาก google street views มาโพสต์สัก ๒-๓ บานนะครับ อยากให้เพื่อน ๆ ได้เห็นภาพอุโบสถซึ่งมีใบเสมาหินสลักขนาดใหญ่ ๑๗ ใบอยู่โดยรอบ (2)

ภาพจาก google street views - thanks!

พระพุทธนิมิตพิชิตมาร (หลวงพ่อขาว) พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง ๔.๖ เมตร ประดิษฐานอยู่ในวิหารเปิดโล่ง (4)



ด้านหลังหลวงพ่อขาว (4) จะเห็นพระเจดีย์ทรงระฆังคว่ำขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ ๔๐ เมตร (4)

ภาพจาก google street views - thanks!

ผมเห็นป้ายเชิญนมัสการพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน)


เก็บภาพสีสันของก้อนหิน ม้านั่ง และเก้าอี้แตงโม (5) ไว้หน่อย



พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปปูนปั้นแบบสุโขทัย (ยาว ๒๑ เมตร) ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลังยาว (6)...







ด้านหน้าวิหารพระนอน (6) มีพระเจดีย์ (7) อีกหนึ่งองค์...



เก็บภาพเจ้าทรามวัยไว้หน่อย...


ไม่รู้ว่าเจ้าตูบอยู่ไหน?  ไปดีฝ่า....

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ท่าเรือวัดขุนพรหม (Wat Khun Prom Ferry Terminal)

เป็นลูกน้ำคลอง...ผมเกิดที่ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี (ในสมัยนั้น) ผมจึงไม่รู้สึกกลัว (get cold feet)  เวลานั่งเรือข้ามคลอง แม่น้ำ หรืออยู่ในท้องทะเล

ภาพคลองบางกอกน้อย จาก facebook ภาพในอดีตหายาก - ขอขอบคุณ

วิกิพีเดียกล่าวว่า...
จังหวัดธนบุรี เป็นจังหวัดในอดีตที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับจังหวัดพระนคร ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้มีการรวมจังหวัดธนบุรีกับจังหวัดพระนคร เป็น นครหลวงกรุงเทพธนบุรี และเปลี่ยนชื่อเป็นกรุงเทพมหานครเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕
ในอดีต กรุงธนบุรี หรือ จังหวัดธนบุรี เป็นราชธานีไทย ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๓๑๐ - ๒๓๒๕ โดยตั้งอยู่ ณ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาที่เมืองธนบุรีเดิม หลังจากกรุงศรีอยุธยาต้องเสียกรุงแก่พม่า เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ แล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก็ได้ทรงสถาปนาราชธานีแห่งใหม่ขึ้น พระราชทานนามว่า "กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร" เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑๐ จวบจนถึง พ.ศ. ๒๓๒๕ นับเป็นเวลาแห่งราชธานีเพียง ๑๕ ปีเท่านั้น
จากวัดพุทไธศวรรษ์ (1) ผมปั่นจักรยานประมาณ ๒ กิโลเมตร ถึงท่าเรือวัดขุนพรหม (Wat Khun Prom Ferry Terminal)) ซึ่งใน google maps ระบุว่าเป็น (Sampao Lom Ferry Terminal) (2)



ต้องข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมกับเจ้า Banian เพื่อนยาก


ไปยังท่าเรือฟากถนนอู่ทอง (3) 


จ่ายค่าโดยสาร ๕ บาทครับ (วันก่อนเค้าคิด ๔ บาท อิอิ) เจ้า Banian ดูท่าไม่ตื่นกลัวแม้แต่น้อย...


ตาแก่เมืองรถม้าชอบบรรยากาศแบบนี้มั่ก ๆ ได้เห็นการเดินทางสัญจรของผู้คน เป็นภาพที่นักท่องเที่ยวระดับห้าดาวบางท่านอาจไม่ได้สัมผัส...


วัดที่เห็นด้านหลังคนขับเรือคือวัดขุนพรหม...


เรือข้ามฟากข้ามแม่น้ำสีขุ่นไปยังท่าเรือฟากถนนอู่ทอง (3) เก็บภาพมาฝากเพื่อน ๆ หน่อยนะ...



ใกล้เข้าไปอีกนิด...ชิดเข้าไปอีกหน่อย



ถึงแล้วกั๊บ... เรือข้ามฟากเทียบท่า ผมพาเจ้า Banian ขึ้นฝั่ง แล้วหันไปเก็บภาพผู้โดยสารขากลับผู้ที่ขี่จักรยานยนต์ลงไปเลย


นักเรียนโรงเรียนเลิกแล้ว นั่งเรือข้ามฟากกลับบ้าน...

คนขับเรือนั่งรออย่างใจเย็น...


ถ่ายรูปเจ้าเพื่อนรักซะหน่อย...


ก่อนพากันเดินออกไปยังถนนอู่ทอง...



ขออนุญาตนำภาพจาก google street views มาให้เพื่อน ๆ ดูอีกบาน จะเห็นป้ายท่าเรือวัดขุนพรหม (Wat Khun Prom Ferry Terminal) ตั้งอยู่ข้างป้ายวัด...

ที่มา - google street views (thanks!)
มีความสุขจริง ๆ ครับสำหรับลูกน้ำคลองผู้มากับจักรยานพับ...

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ภาพเก็บตกวัดพุทไธศวรรษ์



ขออีกสักวันนะครับ...สำหรับวัดพุทไธศวรรษ์ อยากจะนำภาพเก็บตกมาฝากเพื่อน ๆ อีกนิด...






ถนัดจัดทัวร์ กล่าวว่า
วิหารเปลื้องเครื่องอยู่ด้านใต้เป้นอาคารทรงไทยขนาดเล็กก่ออิฐถือปูน เข้าทางด้านหน้าเพียงด้านเดียว ด้านหลังเป็นผนังอุด ยกฐานสูงทำเป็นฐานโค้งแบบท้องสำเภา หลัคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องดินเผา มีเชิงชายประดับตามแนวหลังคา ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์มีชายคายื่นคลุมผนังด้านข้างสั้นๆ เป็นอาคารสมัยอยุธยาตอนปลายที่ยังไม่นิยมสร้างชายคาให้ยื่นออกมาจากอาคารมากนัก หน้าบันทิศตะวันออก (ประดับกระจกสีเขียว) ลายก้านขดออกช่อหางโต หน้าบันทิศตะวันตก (ประดับกระจกสีน้ำเงิน) พื้นที่ตรงกลางยังเป็นลายก้านคดวงใหญ ด้านข้าง ๒ ข้างออกลายต้นไม้ใบไม้












เที่ยวรอบนอกเกาะกรุงเก่าใช้เวลามามากแล้ว ผมคงต้องกลับที่พักได้แล้ว!

วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ตำหนักพระพุทธโฆษาจารย์ วัดพุธไธศวรรษ์



อาคารหลังนี้ไม่ปรากฏชื่อที่แท้จริงในเอกสารทางประวัติศาสตร์ แต่นักวิชาการในสมัยหลังได้สมมุติเรียกอาคารหลังนี้ว่า "ตำหนักพระพุทธโฆษาจารย์"



ในแผนผังวัดพุทไธศวรรษ์ที่เห็นก็ไม่ระบุตำหนักพระพุทธโฆษาจารย์ไว้...

ภาพของ Heinrich Damm - ขอขอบคุณ

อาคารหลังดังกล่าวไม่น่าที่จะเป็นตำหนักหรือเรือนที่พักได้ หากแต่พิจารณาจากตำแหน่งที่ตั้งถัดจากอุโบสถเหมือนกับอาคารทรงตึกที่วัดเจ้าย่า จึงชวนให้คิดว่าอาคารหลังนี้น่าที่จะเป็นศาลาการเปรียญของวัด


putthaijatukam.com กล่าวว่า....
ตำหนักพระพุทธโฆษาจารย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขต พุทธาวาส เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนทรงไทย ๒ ชั้น ลักษณะอาคารเป็นทรงเรือสำเภา ขนาดความยาว ๗ ห้อง ชั้นบนมีประตูทางเข้า ๓ ประตู อยู่ทางทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันตก ด้านละ ๑ ประตู มีหน้าต่างรูปสี่เหลี่ยมผื่นผ้าอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ๗ ช่อง ทิศตะวันตก ๖ ช่อง ภายในอาคารมีภาพจิตกรรมฝาผนังโดยรอบ ชั้นล่างของอาคารมีช่องประตูและหน้าต่างเหมือนกับขั้นบน แต่หน้าต่างมี ลักษณะเป็นซุ้มโค้งยอดแหลม
ภาพจิตกรรมในพระตำหนัก ทางด้านทิศเหนือหรือผนังด้านตัด เขียนเรื่องไตรภูมิโดยตอนบนสุดของผนังเขียนเป็นวิมารที่เรียงรายอยู่เป็นแถว ตลอดแนวผนั้งชั้นกลางเขียนเป็นเขาพระสุเมรุและเขาสัตตบรรพต แม่น้ำนทีสีทันดร ทางด้านทิศตะวันตกเป็นภาพป่าหิมพานต์ และการกำเนิดของแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ๔ สาย ที่ไหลออกมาจากปาก ช้าง ม้า วัว และสิงห์ ตอนล่างของภาพแสดงขุมนรกต่าง ๆ ทางด้านทิศตะวันออกเป็นรูปพระเวสสันดร







จิตรกรรมฝาผนังวัดพุทไธศวรรย์
Wat Buddhaisawan's Mural Paintings
ภาพจิตรกรรมภายในตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นงานจิตรกรรมในสมัยอยุธยาที่ทรงคุณค่ายิ่ง เพราะเป็นการเขียนภาพที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศาสนา สังคม และวัฒนธรรม ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในตัวอาคารสามารถลำดับเรื่องราวได้ดังนี้ ผนังด้านทิศเหนือเขียนเป็นภาพไตรภูมิ ผนังด้านทิศใต้เขียนภาพพุทธประวัติตอนมารวิชัย ผนังด้านทิศตะวันตกเขียนเรื่องทศชาติชาดก และผนังทางด้านทิศตะวันออกเขียนเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เสด็จไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ณ ประเทศลังกา
ลักษณะของงานจิตรกรรมที่ตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์นี้ จัดเป็นงานจิตรกรรมในช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเพทราชา ราวปี พ.ศ.๒๒๓๑ ถึงปี พ.ศ.๒๒๔๕





อยากรู้จังว่าช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี ๕๔ ระดับน้ำจะอยู่สูงขนาดไหน?