ไปร่วมงานเสรีไทยแพร่ปี 2568 ผมเลือกที่จะขับเจ้าเอ็ดดี้จากลำปางไปแพร่...
ออกจากบ้านห้างฉัตรวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ผมขับไปแวะถ่ายรูปสวนรุกขชาติพระบาท (ป่าในเมือง) และอุทยานแห่งชาติเขลางค์บรรพต ก่อนมุ่งหน้าต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 11
แวะวัดเวฬุวนาราม (W1) เพื่อเยี่ยมชมสวนสุนัข
เหยียบคันเร่งให้เจ้าเอ็ดดี้ทะยานไปข้างหน้าโดยไม่กังวลว่าจะแวะค้างคืนที่ไหนดี?
เคยชินแล้วกับสถานการณ์ค่ำไหนนอนนั่น จริง ๆ แล้วผมจะขับตรงไปให้ถึงเมืองแพร่เลยก็ได้ แต่ยังมีเวลา จึงอยากพักค้างแรมที่ไหนก็ได้สักคืนหนึ่งก่อน ปั้มน้ำมัน-วัด-ริมทาง-อุทยานแห่งชาติ...ได้ทั้งนั้น จากวัดเวฬุวราราม (W1) ผมขับขึ้นดอย ข้ามเส้นแบ่งลำปาง-แพร่ มาเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 1023 สู่อำเภอลอง...
ก่อนหน้านั้นเคยอ่านพบพอทราบว่าตามเส้นทางที่ผมเดินทางผ่านจะมีพระธาตุดอยน้อยอยู่ทางด้านซ้ายมือ ก็ได้แต่ปักหมุดเอาไว้ในใจ อยากจะไปขอค้างคืนที่นั่นสักคืน เพราะ paiduaykan.com เขียนไว้ว่า...
พระธาตุดอยน้อย เป็นพระธาตุเก่าแก่ที่มีตำนานการเสด็จมาของพระพุทธเจ้า นอกจากองค์พระธาตุแล้ว ยังมีหลวงพ่อพุทธปิ่นทองนาคราช พระพุทธรูปขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่ในเขตพื้นที่เดียวกัน มีลานชมวิวที่สามารถชมวิวของอำเภอลองได้อย่างงดงาม ในยามเช้าสามารถเห็นสายหมอกบางได้จากจุดชมวิวแห่งนี้อีกด้วย
ทางขึ้นมายังพระธาตุดอยน้อย เป็นทางขึ้นเขาซึ่งไม่ชันมาก เป็นทางราดยางตลอดแต่อาจจะแคบเล็กน้อย มาถึงจะเจอกับลานจอดรถ และบันไดนาค ขึ้นไปยังพระธาตุดอยน้อย พระธาตุมีขนาดเล็กตั้งอยู่บนฐานสีขาว ยอดประดับด้วยกระเบื้อง มองเห็นวิวทิวทัศน์ได้บางส่วนไม่ไกลจากองค์พระธาตุดอยน้อย คือ หลวงพ่อพุทธปิ่นทองนาคราช พระพุทธรูปนาคปรกสีทองขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่บริเณลานชมวิว ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ ได้กว้างกว่าบริเวณองค์พระธาตุ มองเห็นวิวทิวเขา บ้านเรือนของชุมชนแทรกไปในความเขียวขจี และสายหมอกบาง ที่ลอยปกคลุม

ขับรถไปเรื่อย ๆ ขณะที่แสงลดน้อยลงทุกที แต่ยังไม่ถึงกับมืดจนต้องเปิดไฟรถ ผมเห็นป้ายทางขึ้นสู่พระธาตุดอยน้อยผ่านตาแว็บนึง ต้องหยุดรถแล้ววกกลับมาเลี้ยวเข้าไปตามถนนราดยางระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร...
![]() |
| ภาพจาก Google Street Views - ขอขอบคุณ |
เป็นทางขึ้นเนินครับ มีจุดนึงซึ่งชันจนต้องใช้เกียร์หนึ่งเลยทีเดียว แต่ในที่สุดเจ้าเอ็ดดี้ก็พาผมขึ้นถึงข้างบนจนได้...
จอดรถไว้หน้าศาลา ตาแก่บ้านห้างฉัตรเดินไปยังกุฏิหลังเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง
พบภิกษุรูปหนึ่งอายุยังไม่มาก
ยื่นบัตรประชาชนให้ท่านดู
พร้อมกับแจ้งว่ากำลังจะไปเมืองแพร่
อยากจะขอขึ้นมาพักค้างบนนี้สักคืนนึงก่อน
ท่านให้อนุญาตและบอกว่าถ้ามาเร็วกว่านี้ก็จะดี
เพราะจะได้เปิดศาลาให้นอนข้างใน ผมบอกว่าไม่เป็นไร เพราะมีเต็นท์มาด้วย ตั้งนอนตรงไหนก็ได้ เห็นบันไดนาคนำทางขึ้นลานพระธาตุข้างบน ผมขออนุญาตเดินขึ้นไปสำรวจหาที่ตั้งเต็นท์ทันที...
ภาพที่เห็นข้างบนนั้นสวยงามยิ่งนัก...อากาศเริ่มหนาวเย็น ลมพัดแรง
เห็นศาลาอยู่ด้านทิศตะวันออก ผมคิดในใจว่าแบบนี้ตั้งเต็นท์นอนได้สบาย...
เดินลงมาเพื่อจะนำเต็นท์และอุปกรณ์เครื่องใช้จากรถขึ้นไปข้างบน ภิกษุผู้เมตตาถามด้วยคำเมืองแปลได้ใจความว่า "แน่ใจแล้วเหรอว่าจะนอนข้างบน ลมแรงนะ หนาวด้วย"
บรรยากาศเริ่มมืดลง จริง ๆ แล้วผมชอบความหนาวเย็นและไม่กลัวที่จะนอนข้างบนโน่นด้วย แต่ไม่อยากขนเครื่องนอนขึ้นไป พอดีพระท่านอุตส่าห์นำไม้กวาดทางมะพร้าวมากวาดใบไม้แห้งที่หน้าศาลาให้ด้วย จึงตัดสินใจกางเต็นท์นอนที่หน้าศาลาแทน...
ปู ground sheet - ผ้าห่ม แล้วกางเต็นท์อย่างคล่องแคล่ว
ไปห้องน้ำก่อนกลับมาเข้าเต็นท์...
ซุกตัวอยู่ในถุงนอน ผมมองดูหลังคาเต็นท์แล้วหลับไป...
.jpg)
.jpg)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น