วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ปั่นจักรยานในเสียมเรียบ - ไฟฉายคุณบิม

๒๕ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นวันที่สองของการปั่นจักรยานเที่ยวเสียมเรียบ... ผมตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะต้องไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัดให้ได้!


ขี่จักรยานจาก Velkommen Guesthouse ไปนครวัด ถ้าฟ้าสางสว่างแล้วก็คงไม่เป็นปัญหา แต่เช้านี้ตอนตี ๔ ครึ่ง ผมต้องปั่นจักรยานฝ่าความมืดไปตามถนนระยะทาง ๗ กิโลเมตรด้วยจักรยานแม่บ้านซึ่งไม่มีไฟส่องสว่างนี่ซิ... ปัญหาใหญ่!!  ถนนหนทางไม่มีไฟส่องสว่างนะครับ พอพ้นตัวเมืองออกไปก็เจอแต่ความมืด ถ้าฝืนปั่นไปก็เท่ากับหลับตาไปหาอุบัติเหตุ ไม่มีทางถึงนครวัดอย่างแน่นอน


โชคดีเหลือเกินที่ผมมีไฟฉายที่คุณบิมให้มา...



แสงไฟจากหลอด LED ขนาด 18000 Lumens ช่วยให้ผมปั่นจักรยานถึงนครวัดได้อย่างปลอดภัย ถึงแล้วก็ยังใช้ส่องให้เห็นทางเดินเข้าไปจนถึงจุดที่ผู้คนไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ตีห้าครึ่งท้องฟ้ายังมืดอยู่เลย... ผมใช้ไฟฉายส่องหาที่นั่งโดยไม่ไปเหยียบขาหรือเดินชนคนอื่น!



คิดอยู่ในใจว่า "ถ้าไม่มีไฟฉายคุณบิม...คงมาไม่ถึงตรงนี้ "

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ปั่นจักรยานในเสียมเรียบ - ค่าเช่า


พูดถึงเรื่องค่าเช่าจักรยาน... คงไม่มีที่ไหนถูกเท่ากับที่โฮมสเตย์หมู่บ้านช้าง บ้านหนองบัว จังหวัดสุรินทร์  จักรยานมีเกียร์สีส้มวันละ ๒๐ บาท!  ส่วนเจ้าเสือเหลืองที่เมืองกาญจน์ก็มีเกียร์เหมือนกัน เจ้าของคานาอันเกสต์เฮ้าส์ใจดีสุด ๆ ลดให้ผมเหลือแค่วันละ ๓๐ บาท...



ที่จัดว่าแพงเห็นจะเป็นค่าเช่าจักรยานในเมืองพนมเปญ เค้าคิดวันละ $4  ผมใช้เทคนิคพิเศษไปขอเช่าตอนเที่ยง... จ่ายแค่ครึ่งวัน $2



ใช้ปั่นไป Choeung Ek หรือทุ่งสังหาร กลับมาส่งก็ตกเย็นพอดี จะขี่ต่อถึงทุ่มก็คงไม่ไหว...


มาเที่ยวนครวัด-นครธมทีแรกกะว่าจะอยู่เสียมเรียบ ๓ คืน...  ไป ๆ มา ๆ อยู่ต่ออีก ๑ คืน ผมเช่าจักรยานปั่น ๓ วันหมดไป $6  วันแรกปั่นเที่ยวรอบ ๆ เมืองเสียมเรียบ วันที่สองไปนครวัด-นครธมและปราสาทอื่น ๆ  และวันสุดท้ายปั่นไป โตนเลสาบ (Tonlé Sap)


จักรยานที่ผมขี่ในเสียมเรียบเป็นจักรยานแม่บ้านธรรมดา ๆ สภาพไม่ปลื้ม  สูบยางให้แข็งไม่ได้ (อาจแบนได้ทุกเวลา) ติดต่อขอเช่าได้ที่เคาน์เตอร์โรงแรม จ่าย $2 หรือ ๘,๐๐๐ เรียล เค้าออกไบเสร็จฯ ให้...


แล้วพาไปเลือกจักรยาน แต่หาที่ดี ๆ ไม่ค่อยได้หรอก!


วันแรกผมใช้คันสีดำปั่นเที่ยว...


วันต่อมาผมอยากจะใช้จักรยานคันเดิมปั่นไปนครวัดแต่ดันเกิดเสียขึ้นมาซะก่อน (แฮนด์หลุดไม่สามารถบังคับรถ) จึงต้องเปลี่ยนไปใช้เจ้าสีเลือดหมูคันนี้...


วันสุดท้ายผมปั่นไปโตนเลสาบ ด้วยจักรยานสภาพน่าเป็นห่วง ต้องปั่นมันออกไปไกลกว่า บนถนนที่โหดกว่า คิดอยู่ตลอดเวลาว่าถ้ายางแบนจะทำอย่างไร!!


ไปถึงโตนเลสาบแล้วกลับมาตามเส้นทางเดิม บนถนนลูกรังโรยด้วยหินก้อนเล็ก ๆ บางก้อนแหลมพอที่จะเจาะยางให้รั่วได้ แต่ยิ่งเข้าใกล้ตัวเมืองก็ยิ่งโล่งอก เมื่อถึงวัด ๆ หนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ผมคิดว่าถ้าเกิดยางแบนตอนเนี้ยก็เดินจูงรถกลับโรงแรมได้แล้ว!


ในที่สุดก็สามารถกลับที่พักได้อย่างปลอดภัย สามวันเต็มกับการปั่นจักรยานเที่ยวเสียมเรียบจัดได้ว่าเป็น cycling trip ที่น่าจดจำและคุ้มค่าอีกครั้งหนึ่งของผม! 

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

กินอยู่อย่างไรในเขมร?

เพื่อนสมาชิกอาวุโสท่านหนึ่งเขียนลงในจดหมายถึงผมว่า "ไม่เข้าใจว่าลุงทำได้อย่างไร ไปเสียมราฐ แล้วยังไปนครวัด-นครธมตั้งหลายวันใช้เงินไปเพียง ๓๘๐๐ บาทเท่านั้น อยู่บ้านในกรุงเทพ ไม่ไปไหน เงินจำนวนเท่านี้ใช้เพียง ๒ วันก็หมดแล้ว...."   จริง ๆ แล้วเงิน ๓,๘๒๐ บาทที่ผมใช้จ่าย มิใช่แค่เที่ยวเขมรอย่างเดียวนะ แต่ยังรวมถึงหมู่บ้านช้างสุรินทร์อีก ๒ วันด้วย!  เพื่อน ๆ อย่าได้สงกะสัยเลยว่าผมทำได้อย่างไร!


คงเป็นเพราะผมพยายามประหยัดในทุก ๆ เรื่องด้วยกระมัง! อย่างเช่นการเดินทาง ผมอดทนนั่งรถไฟฟรี เช่าจักรยานขี่ ย่ำต๊อกบ้าง หากต้องขึ้นรถโดยสารก็พยายามหาที่มันไม่แพง (ขากลับเมืองไทย ผมซื้อตั๋วรถเดินทางจากเสียมเรียบถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ กับบริษัทโดยตรงในราคา $10 ถ้าซื้อที่เคาน์เต้อร์โรงแรมเค้าคิด $15 เห็นมั้ยผมประหยัดได้ $5 แล้ว)  เรื่องที่พักผมก็นอน dorm bed ราคาคืนละ $6


อาหารการกิน เพื่อน ๆ คงพอจะรู้ว่าที่พม่า ลาว เวียดนามหรืออินโดนีเซีย ผมชอบแวะร้านอาหารข้างถนน สั่งแค่พออิ่ม ไม่กินทิ้งกินขว้าง ส่วนเครื่องดื่มก็แค่น้ำเปล่า...

อาหารข้างถนนในมัณฑะเลย์

กาแฟถ้วยละ ๑ เหรียญหรือ ๔,๐๐๐ เรียลผมไม่เคยไปสั่งกิน แต่ใช้เครื่องต้มน้ำแบบพกพาชงกาแฟ โอวัลติน หรือน้ำเต้าหู้ (แบบ 3 in 1) กินเอง...


ถึงเสียมเรียบวันแรก ผมเดินเที่ยวจนพระอาทิตย์ตก จำเป็นต้องเข้าร้านอาหารที่มี menu ภาษาอังกฤษและคิดราคาเป็นอเมริกันดอลล่าร์...




สั่งข้าวผัดไข่และชามะนาวมากิน (รสชาติดีกว่าเคี้ยวกระดาษหน่อยนึง) ถ้าอย่างเนี้ยนะ...ผมไปกินแบบอร่อย ๆ ที่ร้านชัยโภชนา (ห้างฉัตร) หรือร้านศรีวรรณ (สบตุ๋ย) ก็หมดแค่ ๕๐ บาทเอง แต่มื้อแรกในเสียมเรียบ ผมต้องจ่าย ๑๑,๐๐๐ เรียล หรือคิดเป็นเงินไทย ๑๑๐ บาท!!

จ่ายแพงแค่มื้อเดียวเท่านั้น!  พอรู้ที่รู้ทาง มื้อต่อมาผมหากินข้างโรงแรม มีปลา-ไข่เจียว-ข้าวเปล่า มากในปริมาณและอร่อยกว่า น้ำเป-ล่าก็ฟรี พอคิดตังค์... แค่ ๖,๐๐๐ เรียล (๖๐ บาท) เอง!


อีกวันนึงกลับมาจากนครวัด-นครธม ผมไปกินอีก เอ้า....สั่งหนักหน่อย เล่นปลาตัวใหญ่!!


พร้อมชะอมชุบไข่ แลน้ำส้มคั้นมียี่ห้ออีก ๑ กระป๋อง มื้อนี้แหละถึงจะต้องจ่าย ๑๑๐ บาท ซึ่งยังนับว่าแพงกว่าบ้านเรา...


พอมีจักรยาน ผมปั่นไปแวะกินข้างวัด เป็นร้านที่ชาวบ้านเค้ากินกัน...



มีต้มส้มปลา ไข่เค็ม ข้าวเปล่า มื้อนี้ ๕,๐๐๐ เรียล (๕๐ บาท)  ยิ่งอยู่นาน ยิ่งรู้ที่กิน ก็ยิ่งถูกลง (อยู่เป็นเดือน คงมีคนให้กินฟรี หุยฮา...)


"ร้านขายขนมสไตล์เขมร" เป็นที่กินอีกแห่งหนึ่งที่ผมไม่ต้องจ่ายแพง ปั่นจักรยานหรือเดินไปเจอที่ไหนเป็นต้องแวะเข้าเติมพลัง!


แม่ค้าขนมพูดภาษาปะกิตไม่ได้.... แต่ก็สื่อสารกันรู้เรื่อง



ดูของหวานหลายอย่างที่วางอยู่ข้างหน้า ผมแค่เลือกสั่งที่อยากกิน...


ดูดิ น่ากิ๊นน่ากิน...


ถ้วยเดียวไม่เคยพอ... โชคดีที่ไม่เป็นเบาหวาน!



ที่พนมเปญก็มีร้านขนมแบบเดียวกันอยู่ในตลาด...


ร้านไหน ๆ ก็อร่อยทั้งนั้น ด้วยราคาที่เป็นมาตรฐานคือถ้วยละ ๑ พัน (๑๐ บาท) ไม่ว่าในเสียมเรียบหรือพนมเปญ


ส่วนภัตตาคารล้อเข็นก็ไม่แพงครับ....


เพียงแต่ว่าบางครั้งมีเนื้อสัตว์ติดมา ผมต้องเขี่ยออก!...


ถ้าเป็นพวกกล้วยทอดมันทอด เห็นที่ไหนก็แวะเข้าไปเล้ย ไม่ต้องถาม ส่งแบ๊งค์พันให้ ๒ ใบ (เท่ากับ ๒๐ บาท) แล้วชี้ของที่กินได้...


แม่ค้าหยิบใส่ถุงให้เองแหละ อาจได้น้อยหน่อย แต่ก็ใช้เป็นเสบียงขบเคี้ยวไปได้ตลอดทาง...



หาที่กินไม่ได้ ก็เข้าร้านข้าวแกงซึ่งมีกับข้าวให้เลือกหลายอย่าง ราคาอาจแพงกว่าบ้านเราแต่ก็พอกินได้...


กินอยู่อย่างเนี้ยแหละ ถึงทำให้ผมท่องเที่ยวต่างแดนได้ด้วยงบจำกัดสุด ๆ!

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

วัดตำหนัก เสียมเรียบ

ดูในแผนที่เมืองเสียมเรียบ...เห็นได้ว่าริมฝั่งน้ำใกล้กับตลาดเก่ามีวัดอยู่ ๓ วัดที่พอจะเดินสำรวจได้ทันเวลาคือ วัดพระพรหมรัตน์ วัดตำหนัก และวัดโบสถ์





"วัดตำหนัก" (4) อยู่ใกล้ตลาดเก่า (2) จากวัดพระพรหมรัตน์ (1) เดินมาข้ามสะพานตลาดเก่า (old market bridge) (3) ก็ถึงแล้ว...


เหตุที่ได้ชื่อว่าวัดตำหนัก เพราะแต่ก่อนเคยเป็นวังของกษัตริย์ศรีสวัสดิ์ อยากให้เพื่อน ๆ ได้มาเห็น เริ่มจากซุ้มประตูก่อนเลย...







ยังไม่เห็นหอระฆังในวัดเขมร  มีแต่กลองตั้งอยู่ด้านหน้า...


ที่เห็นน่าจะเป็นอุโบสถ....มีใบเสมาตั้งอยู่





บันทึกภาพเจดีย์และปราสาทมาฝากเพื่อน ๆ ด้วย...












เจอโรงเรียนวัดอีกแล้ว...



มองหาตำหนักเก่าไม่เจอ... คงเป็นเพราะผมเดินสำรวจไม่ทั่วถึงกระมัง!