บันทึกการท่องโลกที่ค่อนข้างแตกต่าง ด้วยงบประมาณจำกัดแต่ใจเกินร้อย พร้อมที่จะเดินไปข้างหน้า เพื่อนำประสบการณ์กลับมาฝาก!
วันเสาร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554
เมื่อหนอนเข้าหู
เพื่อน ๆ จะรู้สึกอย่างไรถ้าเกิดมีหนอนตัวใหญ่ ๆ คลานเข้าไปในรูหู แล้วไปทำอะไรไม่รู้ที่แก้วหู เกิดเสียงดัง “ครืด ๆๆ”
ผมเขียนเรื่อง Gary Beach Hostel แล้ว ก็อยากจะเขียนต่อ ถึงเหตุการณ์สยองขวัญในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๓๒ ให้เพื่อน ๆ ได้อ่าน ก่อนอื่นผมขอนำภาพจาก Google Earth มาให้ดูก่อน
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าผมจะมีโอกาสมองเห็นโลกกว้างและกลับไปยังที่ ๆ เคยไปพักอาศัย ในภาพถ่ายดาวเทียมตรงที่ผมทำเครื่องหมายไว้นั่นน่าจะเป็น Garie Beach Youth Hostel จุดเดียวกับแผนที่ซึ่งผมวาดไว้เมื่อ ๒๒ ปีก่อน…
เวลาเที่ยงวันผมกลับเข้า hostel กินอาหารกลางวันร่วมกันกับ Hosteller ทั้งหมด ทุกคนเป็นกันเอง มีอาหารอะไรก็แบ่งกัน มีคนหนึ่งเอาแตงโมลูกใหญ่ออกมาผ่าเป็นชิ้น ๆ วางไว้ ผมไม่กล้าหยิบกิน ชายอีกคนหนึ่งซึ่งมาจากอังกฤษบอกผมว่าให้ช่วยตนเอง กินได้เลย ไม่ต้องรอให้ถาม จึงได้หยิบกิน ๑ ชิ้นทั้งหวานและหอม พอกินอิ่มแล้วก็ช่วยกันทำความสะอาด จากนั้นก็พักผ่อน นอนอ่านหนังสือ ไม่นานนัก Frank ก็มาชวนให้ออกไปที่ Surf Club ถ้าเพื่อน ๆ ดูภาพถ่ายใน Google จะเห็นหาดกว้างและมีคลื่นแรง (สีขาว)
ผมบันทึกว่า....
เมื่อกลับมาอ่านบันทึกอีกครั้ง ก็เห็นในความโง่ของตัวเอง ตอนที่หนอนเข้าหู แทนที่จะบอก Frank แล้วขอให้เค้าช่วยดูให้ ผมกลับนิ่งเฉย หาทางแก้ไขด้วยตนเอง
นึกแล้วน่าเขกหัวตัวเองครับ!
ส่วนประกอบของหู ที่มา - http://www.sped.nrru.ac.t |
ผมเขียนเรื่อง Gary Beach Hostel แล้ว ก็อยากจะเขียนต่อ ถึงเหตุการณ์สยองขวัญในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๓๒ ให้เพื่อน ๆ ได้อ่าน ก่อนอื่นผมขอนำภาพจาก Google Earth มาให้ดูก่อน
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าผมจะมีโอกาสมองเห็นโลกกว้างและกลับไปยังที่ ๆ เคยไปพักอาศัย ในภาพถ่ายดาวเทียมตรงที่ผมทำเครื่องหมายไว้นั่นน่าจะเป็น Garie Beach Youth Hostel จุดเดียวกับแผนที่ซึ่งผมวาดไว้เมื่อ ๒๒ ปีก่อน…
เวลาเที่ยงวันผมกลับเข้า hostel กินอาหารกลางวันร่วมกันกับ Hosteller ทั้งหมด ทุกคนเป็นกันเอง มีอาหารอะไรก็แบ่งกัน มีคนหนึ่งเอาแตงโมลูกใหญ่ออกมาผ่าเป็นชิ้น ๆ วางไว้ ผมไม่กล้าหยิบกิน ชายอีกคนหนึ่งซึ่งมาจากอังกฤษบอกผมว่าให้ช่วยตนเอง กินได้เลย ไม่ต้องรอให้ถาม จึงได้หยิบกิน ๑ ชิ้นทั้งหวานและหอม พอกินอิ่มแล้วก็ช่วยกันทำความสะอาด จากนั้นก็พักผ่อน นอนอ่านหนังสือ ไม่นานนัก Frank ก็มาชวนให้ออกไปที่ Surf Club ถ้าเพื่อน ๆ ดูภาพถ่ายใน Google จะเห็นหาดกว้างและมีคลื่นแรง (สีขาว)
ผมบันทึกว่า....
ฝนตกปรอย ๆ เอาหนังสือ PLB และวิทยุไปด้วย - ด้วยความไม่ฉลาดและไม่รอบคอบ หยิบเอาถุง plastic ที่ใส่มันฝรั่งออกมาจากถังขยะ แล้วเอาวิทยุ + หนังสือใส่เข้าไว้เพื่อไม่ให้เปียกฝน แต่ไม่ได้ดูว่าข้างในนั้นมีหนอนอยู่ด้วย
ลงไปเล่นน้ำทะเลสักพักหนึ่ง คลื่นแรง น้ำเย็น Cold!! เมื่อคนอื่นขึ้นก็ขึ้นตาม - ไปเอาผ้าเช็ดตัว และเอาวิทยุออกมา พบว่ามีหนอนอยู่จำนวนมาก จัดการเอาวิทยุเช็ดกับหญ้าจนหนอนออกไปหมด แต่มิได้ระวังและรอบคอบพอที่จะดูว่ามีหนอนอีก 1 ตัวในหูฟัง เมื่อเสียบหูฟังเข้าไปในหู หนอนจึงเข้าไปในหูทันที
A Big Trouble! หนอนดิ้นอยู่ภายในหู น่ากลัว - เดินไปที่ห้องน้ำ เอาน้ำฉีดเข้าไปในหู - อาบน้ำจืด (ฟรี) แต่เจ้าหนอนก็ยังคงแผลงฤทธิ์อยู่ในหู - เดินกลับมา - เพื่อน ๆ บอกว่ากำลังจะกลับไป Sydney เพราะที่นี่ฝนตกไม่มีอะไรให้ทำ - หลายคนเดินกลับ Hostel
วิตกเรื่องหนอนในหูข้างซ้าย - ไปหยิบขนไก่จากชายหาดมาเเคะหู - ทำให้หนอนเข้าไปลึกยิ่งขึ้น และเริ่มกัดแก้วหู - เจ็บและน่ากลัว!! Frank เดินมาคุยด้วยและชวนให้กลับไปยัง hostel - ระหว่างทางเขาถามเรื่องโสเภณีและทัศนะต่าง ๆ ในเมืองไทย คุยสนุกแต่เจ้าหนอนแผลงฤทธิ์ ทำความเจ็บปวดและสยองขวัญให้ทุกขณะ - กลับถึง hostel หลายคนเก็บของแล้วจากไป รวมทั้ง Frank ด้วย - เข้าห้องเอากระจกออกมาส่องดูในหู แต่ไม่เห็นอะไร - หนอนยังคงแผลงฤทธิ์อยู่
นอนลงแล้วเอายาหยอดตาที่พี่จันทร์สมให้หยอดเข้าไปจนท่วมรูหู - ในที่สุดหนอนไต่ออกมา ยังคงแข็งแรงอยู่ ตัวใหญ่น่าดู มีเลือดจากรูหูติดอยู่ที่ลำตัว
ปล่อยให้มันเดินอยู่บนพื้นโดยไม่ทำอันตรายหรือฆ่ามัน
โล่งอก! นอนห่มผ้าแล้วหลับไป
บันทึกเหตุการณ์สยองขวัญในวันนั้น... ผมวาดรูปเจ้าหนอนไว้ด้วย
เมื่อกลับมาอ่านบันทึกอีกครั้ง ก็เห็นในความโง่ของตัวเอง ตอนที่หนอนเข้าหู แทนที่จะบอก Frank แล้วขอให้เค้าช่วยดูให้ ผมกลับนิ่งเฉย หาทางแก้ไขด้วยตนเอง
วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554
Gary Beach Hostel. Australia
อากาศที่ลำปางยังคงหนาวเย็นพอดี ๆ ไม่ถึงขั้นกับต้องสวมเสื้อกันหนาว เช้าวันนี้ผมไปสถานีอนามัยบ้านแม่กืย ตั้งแต่ยังไม่เก้าโมงเพื่อขอรับยา สะดวกสบายมากครับ ผมได้รับยามากินต่ออีก ๒ เดือน ได้สมุดสุขภาพประจำตัวมาด้วย ๑ เล่ม และนัดเจาะเลือดใหม่อีกครั้งในวันที่ ๒๔ ม.ค. ๕๔ ทุกครั้งที่ไปรับบริการจากสถานีอนามัย ผมรู้สึกดีจังเลย ไม่รู้สึกเสียดายภาษีที่ถูกหัก ณ ที่สั่งจ่ายทุกครั้งที่รับเงินค่าจ้างเล่นเปียโนนานเกือบ ๓ ทศวรรษเลยแม้แต่น้อย ทุกวันนี้ชีวิตผมขอฝากไว้กับการรักษาพยาบาลระดับอนามัยและโรงพยาบาลศูนย์ ถ้ารักษาไม่ได้ก็ขอจากไปอย่างสงบ
ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ไม่ได้ไปเฉลิมฉลองที่ไหนทั้งสิ้น ผมหยุดพัก ทำจิตใจให้สงบ และทำงาน DIY ด้วยการรื้อผนังที่ชั้นลอย แล้วนำไม้อัดขึ้นกั้นเป็นผนังตรงบันไดขึ้นชั้นสาม ตรงนั้นเคยมีราวเหล็กกั้น แต่ถูกขโมยรื้อถอนไปชั่งกิโลขายตั้งแต่ยังไม่ได้ย้ายเข้าอยู่อาศัย ก็เพิ่งจะมีโอกาสได้กั้นเป็นผนังขึ้นมา เพราะซื้อไม้มาจากบ้านม้าจังหวัดลำพูน...
ต่อจากนี้ไป ชั้นลอยจะโล่ง ไม่มีผนังกั้น ผมตั้งใจจะจัดให้เป็นที่เก็บหนังสือและเป็นที่สอนเครื่องสาย
ถามตัวเองว่าวันนี้จะเขียนบล็อคเรื่องอะไรดี? ผมคิดถึงแม่ผู้ยิ่งใหญ่ของผม! ในตะกร้าเก็บเอกสาร พบ aerogramme ใบหนึ่งวางปะปนอยู่กับเอกสารอื่น ๆ มันเป็นจดหมายจากออสเตรเลียที่ผมเขียนถึงแม่เมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๓๒ นำขึ้นมาอ่านแล้ว ก็เลยอยากจะคุยเรื่อง Youth Hostel ที่ Garie Beach
Aerogramme ฉบับนี้บอกอะไรหลายอย่าง ในยุคที่ยังไม่มี e-mail ใช้ การส่งจดหมายด้วย aerogramme เป็นสิ่งที่พวกเรานักผจญภัยท่องโลกนิยมทำกัน เมื่อ ๒๐ ปีก่อนค่าส่งจดหมายจากออสเตรเลียไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกในรูปแบบของ aerogramme ตกฉบับละ ๕๓ เซนต์หรือประมาณ ๑๐ บาท (อัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) อีกวิธีนึงก็คือซื้อ postcard รูปสวย ๆ แล้วเขียนส่งข่าวถึงทางบ้าน ถ้าแบบนั้นต้องติดแสตมป์!
แล้วยังมีอีกอย่างที่ปฏิบัติกัน คือการให้ญาติทางบ้านส่งจดหมายไปรอ ณ ที่ทำการไปรษณีย์กลางของเมืองใหญ่ ๆ อย่างเช่นจ่าหน้าซองว่า Poste Restante G.P.O Perth W.A. 60000 AUSTRALIA เวลาผมไปถึง Perth ผมก็ไปที่ไปรษณีย์กลางแล้วขอรับจดหมายดังกล่าว หรือถ้าเป็นเมืองที่มีสถานทูตไทยตั้งอยู่ จะใช้วิธีส่งจดหมายไปรอไว้ที่นั่นก็ได้ พอมาถึงยุคอินเทอร์เน็ต นักเดินทางคงไม่ต้องใช้การสื่อสารแบบเก่าอีกต่อไป!
เช้านี้ผมอ่านจดหมายที่มีถึงแม่แล้วอดยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้….
ผมคิดว่าจดหมายถึงแม่ฉบับนี้เป็นการฟื้นภาพความทรงจำที่ Gary Beach Hostel ของผมได้เป็นอย่างดี ก่อนหมดเนื้อที่ใน aerogramme ผมเขียนว่า “ผมคิดถึงแม่มาก ไม่มีใครประเสริฐและมีความสำคัญเท่าแม่ ผมขอกราบขอโทษแทบเท้า แทนที่ผมจะดูแลแม่และพาแม่เที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ผมกลับพาคนอื่นเที่ยวและต้องดูแลเขา ผมรักแม่สุดหัวใจและจะกลับมาหาโดยเร็วที่สุด หลังจากเดินทางท่องเที่ยวออสเตรเลียแล้ว นับตั้งแต่อยู่ซิดนี่ย์มาเกือบ 2 เดือน ผมยังไม่ได้ใช้เงินตัวเองสักบาทเดียว เพราะผมไปเล่นซึง ได้เงินมาจับจ่าย เหมือนกับว่ามีคนช่วยจ่ายค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้ อย่างเช่นวันที่ 30 ผมไปเล่นแค่ 3 ชั่วโมงก็ได้มา 30 เหรียญหรือ 600 บาท เงินที่ทำได้ทั้งหมดตกเก้าพันกว่าบาทแล้ว ผมไม่ได้ไปทำเงินทุกวัน เพราะอยากจะพักผ่อนและท่องเที่ยวอย่างที่กำลังทำอยู่นี้บ้าง…………..”
บ่ายนี้ผมต้องเข้าเมืองเพื่อไปจ่ายค่า HiNet, ค่าโทรศัพท์ คืนนี้ค่อยกลับมาเขียนต่อนะครับ
ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ไม่ได้ไปเฉลิมฉลองที่ไหนทั้งสิ้น ผมหยุดพัก ทำจิตใจให้สงบ และทำงาน DIY ด้วยการรื้อผนังที่ชั้นลอย แล้วนำไม้อัดขึ้นกั้นเป็นผนังตรงบันไดขึ้นชั้นสาม ตรงนั้นเคยมีราวเหล็กกั้น แต่ถูกขโมยรื้อถอนไปชั่งกิโลขายตั้งแต่ยังไม่ได้ย้ายเข้าอยู่อาศัย ก็เพิ่งจะมีโอกาสได้กั้นเป็นผนังขึ้นมา เพราะซื้อไม้มาจากบ้านม้าจังหวัดลำพูน...
ต่อจากนี้ไป ชั้นลอยจะโล่ง ไม่มีผนังกั้น ผมตั้งใจจะจัดให้เป็นที่เก็บหนังสือและเป็นที่สอนเครื่องสาย
ถามตัวเองว่าวันนี้จะเขียนบล็อคเรื่องอะไรดี? ผมคิดถึงแม่ผู้ยิ่งใหญ่ของผม! ในตะกร้าเก็บเอกสาร พบ aerogramme ใบหนึ่งวางปะปนอยู่กับเอกสารอื่น ๆ มันเป็นจดหมายจากออสเตรเลียที่ผมเขียนถึงแม่เมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๓๒ นำขึ้นมาอ่านแล้ว ก็เลยอยากจะคุยเรื่อง Youth Hostel ที่ Garie Beach
Aerogramme ฉบับนี้บอกอะไรหลายอย่าง ในยุคที่ยังไม่มี e-mail ใช้ การส่งจดหมายด้วย aerogramme เป็นสิ่งที่พวกเรานักผจญภัยท่องโลกนิยมทำกัน เมื่อ ๒๐ ปีก่อนค่าส่งจดหมายจากออสเตรเลียไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกในรูปแบบของ aerogramme ตกฉบับละ ๕๓ เซนต์หรือประมาณ ๑๐ บาท (อัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) อีกวิธีนึงก็คือซื้อ postcard รูปสวย ๆ แล้วเขียนส่งข่าวถึงทางบ้าน ถ้าแบบนั้นต้องติดแสตมป์!
แล้วยังมีอีกอย่างที่ปฏิบัติกัน คือการให้ญาติทางบ้านส่งจดหมายไปรอ ณ ที่ทำการไปรษณีย์กลางของเมืองใหญ่ ๆ อย่างเช่นจ่าหน้าซองว่า Poste Restante G.P.O Perth W.A. 60000 AUSTRALIA เวลาผมไปถึง Perth ผมก็ไปที่ไปรษณีย์กลางแล้วขอรับจดหมายดังกล่าว หรือถ้าเป็นเมืองที่มีสถานทูตไทยตั้งอยู่ จะใช้วิธีส่งจดหมายไปรอไว้ที่นั่นก็ได้ พอมาถึงยุคอินเทอร์เน็ต นักเดินทางคงไม่ต้องใช้การสื่อสารแบบเก่าอีกต่อไป!
เช้านี้ผมอ่านจดหมายที่มีถึงแม่แล้วอดยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้….
ออสเตรเลีย
2 มกราคม 2532
กราบเท้า คุณแม่ที่เคารพรักยิ่ง
ขณะนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในห้องครัวของบ้านพักที่ชายหาดซึ่งมีชื่อว่า “แกรี่” เช้านี้ท้องฟ้าแจ่มใส ลมค่อนข้างแรง ผมสามารถมองเห็นทะเลไกลออกไปสุดขอบฟ้า ที่พักที่ผมอยู่ขณะนี้เป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ใกล้กับชายหาด มี 2 ห้องนอน ห้องหนึ่งสำหรับผู้หญิงและอีกห้องสำหรับผู้ชาย แต่ละห้องมีเตียง ที่นอน หมอนและผ้าห่ม สามารถพักได้ห้องละ 8 คน เมื่อคืนนี้ผมนอนคนเดียวที่บ้านหลังนี้ เพราะอากาศไม่ดีคนที่มาพักก่อนหน้าผมประมาณ 8 คนกลับไปกันหมด เขาทิ้งอาหารไว้ให้มากมาย รวมทั้งเครื่องดื่มและเทียนไข
ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า อยู่ห่างจากซิดนี่ย์ประมาณ 50 กิโลเมตรกิโลเมตร ผมนั่งรถไฟจากซิดนี่ย์ไปลงที่สถานี “วอเตอร์ฟอล” แล้วโบกรถเก๋งคันหนึ่ง เขาพาไปส่งที่ชายหาดซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของป่าสงวนแห่งชาติ (ทำให้ผมไม่ต้องเดิน 12 กิโลเมตรจากสถานีรถไฟ เพียงแต่เดินลัดไปตามชายหาด) เดินขึ้นเขานิดหน่อยก็ถึงบ้านพักแห่งนี้แล้ว
บ้านพักนี้ไม่มีคนดูแล เขาให้ผู้ที่มาพักรับผิดชอบตัวเอง มีห้องครัวและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ มีน้ำฝนใช้จากถังใหญ่ มีเตาแก๊สให้ ก่อนจะเข้าพักจะต้องไปลงทะเบียนและจ่ายเงินที่ศูนย์กลางใน ซิดนี่ย์ แล้วรับกุญแจและแผนที่… ค่าพักตกคืนละ 4 เหรียญหรือ 80 บาท ซึ่งได้ว่าถูกที่สุด โดยเฉพาะตอนนี้ผมมีความสุขมาก เสียเงินไป 80 บาทแต่สามารถเป็นเจ้าของบ้านพักบนเนินเขา ท่ามกลางธรรมชาติที่สงบและร่มรื่น มีอาหารสำรองมากมาย ได้ยินเสียงนก จิ้งหรีด คลื่นและสายลมตลอดเวลา ตอนบ่าย ๆ ก็ค่อยเดินลงไปเล่นน้ำทะเล แล้วกลับมากินอาหารเย็น (เมื่อคืนนี้ผมนอนคนเดียว หลังจากที่กินอาหารเย็นเพียงลำพัง จุดเทียนไข จดบันทึกสักพักก็เข้านอน… สงบ อากาศดี ตื่นประมาณ 6 โมงครึ่ง สดชื่นมาก) ผมจะพักอีก 1 คืนแล้วเดิน 15 กิโลเมตรไปตามชายหาด เพื่อนั่งเรือข้ามฟากแล้วต่อรถไฟกลับไปยังซิดนี่ย์….”
ผมคิดว่าจดหมายถึงแม่ฉบับนี้เป็นการฟื้นภาพความทรงจำที่ Gary Beach Hostel ของผมได้เป็นอย่างดี ก่อนหมดเนื้อที่ใน aerogramme ผมเขียนว่า “ผมคิดถึงแม่มาก ไม่มีใครประเสริฐและมีความสำคัญเท่าแม่ ผมขอกราบขอโทษแทบเท้า แทนที่ผมจะดูแลแม่และพาแม่เที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ผมกลับพาคนอื่นเที่ยวและต้องดูแลเขา ผมรักแม่สุดหัวใจและจะกลับมาหาโดยเร็วที่สุด หลังจากเดินทางท่องเที่ยวออสเตรเลียแล้ว นับตั้งแต่อยู่ซิดนี่ย์มาเกือบ 2 เดือน ผมยังไม่ได้ใช้เงินตัวเองสักบาทเดียว เพราะผมไปเล่นซึง ได้เงินมาจับจ่าย เหมือนกับว่ามีคนช่วยจ่ายค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้ อย่างเช่นวันที่ 30 ผมไปเล่นแค่ 3 ชั่วโมงก็ได้มา 30 เหรียญหรือ 600 บาท เงินที่ทำได้ทั้งหมดตกเก้าพันกว่าบาทแล้ว ผมไม่ได้ไปทำเงินทุกวัน เพราะอยากจะพักผ่อนและท่องเที่ยวอย่างที่กำลังทำอยู่นี้บ้าง…………..”
บ่ายนี้ผมต้องเข้าเมืองเพื่อไปจ่ายค่า HiNet, ค่าโทรศัพท์ คืนนี้ค่อยกลับมาเขียนต่อนะครับ
วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554
คิดถึงเมืองแพร่...
ค้นหาไฟล์ในฮาร์ดดิสก์ตัวเก่า วันนี้ไปเจอไฟล์ตำรับตำราดี ๆ ที่เก็บเอาไว้มากมาย นอกจากนั้นยังมีภาพถ่ายเก่า ๆ ทั้งที่สแกนเก็บไว้และที่ถ่ายเองด้วยกล้องดิจิตอลตัวก่อน ๆ รวมทั้งที่เพื่อนสมาชิกนำมาโพสต์ให้ไว้ก็มี อย่างเช่นภาพที่ผมเล่นหีบเพลงร่วมกับคุณโหนดและคุณสอน ๒ นักดนตรีเมืองแพร่…
อยากให้เพื่อน ๆ ไปเที่ยวเมืองแพร่ครับ!
เป็นภาพการบรรเลงเล่นดนตรีในงานวิ่งฝ่าสายหมอกแพร่มาราธอนที่อาจารย์ ps ถ่ายไว้เมื่อหลายปีก่อน เห็นภาพแล้วทำให้นึกถึงวันเวลาก่อนหน้าที่พี่ชายจะล้มหมอนนอนเสื่อ ผมเคยมีอิสระได้ไปเล่นดนตรีที่เมืองแพร่ เคยไปออกงานร่วมกับวง”สหายเก่า” ของคุณเหลาที่จังหวัดกำแพงเพชรและตาก แม้แต่ที่ อนุสรณ์สถานยุทธภูมิบ้านห้วยโก๋นเก่า จังหวัดน่านก็เคยไปเล่นหีบเพลงมาแล้ว การได้ไปเล่นดนตรีในต่างจังหวัดทำให้ผมมีโอกาสได้ท่องเที่ยว ได้ถ่ายภาพ ได้ลิ้มรสอาหารอร่อย ๆ และได้พบปะผู้คน มีเรื่องมีราวให้เขียนได้อย่างไม่รู้จบ…
“แพร่” เป็นเมืองที่น่าอยู่นะครับ ผู้คนล้วนอัธยาศัยดีมีน้ำใจ ค่าครองชีพก็ไม่สูงเหมือนเมืองใหญ่ ท่านผู้พันมือ fiddle เคยพาผมไปกินอาหารอร่อยที่ร้านพอเพียง คิดถึงทีไรก็น้ำลายสอทุกที
วันนี้ขอนำภาพ “วัดจอมสวรรค์” ในเมืองแพร่ ที่ผมเก็บไว้มาให้เพื่อนดูอีกสักชุด...
อยากให้เพื่อน ๆ ไปเที่ยวเมืองแพร่ครับ!
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)