วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2568

FB Trip ไปผาช่อ - ปิดฉาก

าแก่เมืองรถม้าปิดฉากสุดท้ายของ "FB Trip ไปผาช่อ" แบบง่าย ๆ ด้วยการนั่งรถไฟขบวนท้องถิ่น 408 (เชียงใหม่-นครสวรรค์) จากสถานีลำพูน (ค่ารถ 18 บาท)

มีที่นั่งใกล้ประตูตามประสงค์...
 
 
เห็นชั้นวางของ... ผมคิดในใจว่าถ้านั่งรถไฟไกล ๆ (ไม่ว่าด้วยขบวนรถเร็วหรือรถธรรมดา) ก็จะให้เจ้า Banian ขึ้นไปนอนบนนั้น...
  

นักปฏิบัติธรรมสวมชุดขาวกลุ่มหนึ่งซึ่งขึ้นมาจากเชียงใหม่ บ้างถ่ายรูป เล่นมือถือ กินข้าวแต๋น ส่งเสียงค่อนข้างดังเหมือนฝูงนกในป่าใหญ่ 
 

ในขณะที่เด็กน้อยง่วนอยู่กับมือถือ... 
 

ถึงสถานีห้างฉัตร... สถานีรถไฟที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 316 เมตร... 
  
 
ปั่นจักรยานกลับบ้านห้างฉัตร...ผ่านสี่แยกไฟแดงสายใน 
 
 
แวะร้านหมูอินเตอร์ ซื้อไข่ เต้าหู้ และผัก... 
 
  
ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ...ไม่ลืมตะโกนบอกอู่หลงว่า "พ่อกลับมาแล้วนะ"  


จบแล้วครับ... "FB Trip ไปผาช่อ"

45 กม. ถึงสถานีรถไฟลำพูน

"กลับบ้าน"...ตาแก่เมืองรถม้าบอกตัวเอง ขณะปั่นจักรยานออกจากสำนักสงฆ์โป่งจ้อ (1) ย้อนนึกถึงวันวานที่ได้ปั่นจักรยานจากทาสบเส้า แม่ทา ถึงผาช่อ ระยะทางเกือบ 100 กม. 
 
 
 
ได้เห็นผ่าช่อแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลากลับบ้าน ผมไม่แวะถ่ายรูปวัดวาอารามอีกต่อไป...ปั่นจักรยานลูกเดียว ออกมาถึงปากทาง (2) เข้าสู่ทางหลวง 108 
 
 
 
ตรงสี่แยก (3) เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 116... 
 
 
ข้ามสะพานบ้านเรือน (4) ข้ามแม่น้ำปิงอึกครั้ง หยุดถ่ายรูปท้องฟ้ารุ่งอรุณ (จากนี้ไม่มีได้เห็นอีกแล้ว)... 
 
 
 

 
ยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตาเลยครับ ตอนออกจากสำนักสงฆ์โป่งจ้อ ภิกษุที่กำลังกวาดลานวัดบอกให้ผมเข้าห้องน้ำห้องท่าก่อนก็ได้ แต่ผมไม่อยากรบกวนทางวัด ปั่นออกมาแล้วสายตามองหาปั้มน้ำมันริมทาง.... เจอแย้ววว!
  

เลี้ยวเข้ามาเล้ย...ลุง  
 
 
 

ผ่านสี่แยกสะปุ๋ง (5) จากนั้นปั่นต่อไปจนถึงแยกป่าห้า (6) เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1033 ไปเมืองหริภูุญชัย...
 
 
 
ถึงอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี (7) แต่ไม่แวะ ขี่จักรยานไปหลงอยู่พักนึง ก่อนที่จะถึงสถานีรถไฟลำพูน (8) ในที่สุด รวมแล้วเช้านี้ปั่น 45 กิโลเมตรครับ...
 
 
 
ซื้อตั๋วแล้วนั่งรอขบวนรถไฟท้องถิ่น 408 มาถึงเวลา 09.59 น. 
 

 
 เอาข้าวโพดต้มฝักที่ 2 ออกมานั่งแทะเป็นอาหารเช้า.....

FB Trip ไปผาช่อ - หาที่นอนคืนสอง

16.30 น. อุทยานแห่งชาติแม่วางปิดแล้ว! จากผาช่อ (1) ตาแก่บ้านห้างฉัตรปั่นจักรยานออกจากลานจอดรถ ลื่นไหลลงมาอย่างสบาย ๆ
  
 
ผ่านลานกางเต็นท์ (2) ริมอ่างเก็บน้ำโป่งจ้อ เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ตั้งเต็นท์นอน แล้วคืนนี้จะนอนไหนดี? ผมไม่วิตกเมื่อมีเต็นท์และเครื่องนอนอยู่ในกระเป๋าตูดมด ปั่นจักรยานออกจากอุทยานฯ ไปตามถนน ปักหมุดเอาไว้แล้วที่สำนักสงฆ์โป่งจ้อ (4) ซึ่งอยู่ข้างหน้า
 
 
แค่ 5 กิโลเมตรก็ถึงแล้ว...
 
 
เลี้ยวรถเข้าไปทันที ตั้งจักรยานไว้ข้างศาลาหลังใหญ่ ยังไม่ปลดเป้ออกจากไหล่ เดินเข้าไปหาเจ้าอาวาส...
 

ทุกครั้งที่ขออาศัยนอนในวัด ผมไม่เคยได้รับการปฏิเสธ คิดว่าเป็นเพราะ 1.เป็นชายชราผู้มีผมขาวทั้งหัว หน้าตาอิดโรย สวมกางเกงสะดอ ใส่เสื้อม่อฮ่อม 2.ขี่จักรยานคันเล็ก ๆ เข้ามา 3.หน้าตาดูไม่เป็นพิษเป็นภัย 4.อู้กำเมือง 5.บอกที่มาและที่ไปพร้อมแสดงบัตรประชาชน 6.ขอแค่อาศัยนอนในศาลา  เท่านั้นครับ...ท่านเจ้าอาวาสก็อนุญาตให้พักค้างคืนได้  ที่สำนักสงฆ์โป่งจ้อก็เช่นเดียวกัน ผมกราบขอบพระคุณแล้วเดินกลับมาหาเจ้า Banian ด้วยความยินดี!

ปลดเป้ลง แล้วปู ground sheet ขอนอนเหยียดกายคลายความเหน็ดเหนื่อยก่อน...

พอฝนเริ่มตก ก็ต้องขยับเต็นท์เข้าไปอยู่กลางศาลา เพื่อมิให้โดนฝนสาด...

Banian ก็ต้องพามาอยู่ข้างใน (ไม่งั้นอาจเป็นหวัด อิอิ)

ความมืดเข้าโอบกอด พร้อม ๆ กับฝูงยุงออกหาเหยื่อ ผมต้องรีบหลบเข้านอนในเต็นท์ (ดีที่ไม่ร้อนเพราะฝนตก)

ตาแก่บ้านห้างฉัตรนอนหลับสบายทั้งคืน ทั้ง ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมรุเผาศพ...

ตื่นแต่เช้ามืด ผมเก็บเต็นท์และถุงนอนเข้ากระเป๋าตูดมด แล้วกวาดพื้นที่นอนด้วยไม้กวาดที่หาได้ เจ้าสี่ขาน่ารักเข้ามาหา (เมื่อวานให้กินขนมปังหมดแล้ว เช้านี้เลยไม่มีอะไรให้กิน)  

แสงทองส่องฟ้า ถนนสว่างพอที่จะขี่จักรยานได้แล้ว...

แวะถ่ายรูปหน้าวัดอีกบาน เพื่อนสี่ขาตามมาส่ง... 


ลาก่อนสำนักสงฆ์โป่งจ้อ ลาก่อนเพื่อนหมา...

ฮ่อมกองกีด ผาช่อ

ก่อนถึง "หลิ่งปาวเชือก" มีพนักงานอุทยานฯ คนหนึ่งในชุดลายพราง คอยทักทายและให้คำแนะนำว่าลงไปถึงผาช่อแล้วให้เดินออกทางแคบ ๆ ไปทะลุตรงหน้า "ม่อนลองแฮง"  


ขากลับ... เริ่มจากตรงนี้ครับ มีป้ายชี้ทางชัดเจน เพื่อน ๆ ไม่หลงแน่นอน



ทางเดินที่ว่านั้นคือ "ฮ่อมกองกีด"  หมายถึงทางเดินแคบ ๆ ซึ่งจะมีหน้าตาอย่างไรไปดูกันนะ...









 

 

สิ้นสุด "ฮ่อมกองกีด" ทะลุออกตรงทางขึ้น "ม่อนลองแฮง" 


จากฮ่อมกองกีด ต้องเลี้ยวซ้ายนะครับ...