16.30 น. อุทยานแห่งชาติแม่วางปิดแล้ว! จากผาช่อ (1) ตาแก่บ้านห้างฉัตรปั่นจักรยานออกจากลานจอดรถ ลื่นไหลลงมาอย่างสบาย ๆ

ผ่านลานกางเต็นท์ (2) ริมอ่างเก็บน้ำโป่งจ้อ เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ตั้งเต็นท์นอน แล้วคืนนี้จะนอนไหนดี? ผมไม่วิตกเมื่อมีเต็นท์และเครื่องนอนอยู่ในกระเป๋าตูดมด ปั่นจักรยานออกจากอุทยานฯ
ไปตามถนน ปักหมุดเอาไว้แล้วที่สำนักสงฆ์โป่งจ้อ (4) ซึ่งอยู่ข้างหน้า

แค่ 5 กิโลเมตรก็ถึงแล้ว...
เลี้ยวรถเข้าไปทันที ตั้งจักรยานไว้ข้างศาลาหลังใหญ่ ยังไม่ปลดเป้ออกจากไหล่ เดินเข้าไปหาเจ้าอาวาส...
ทุกครั้งที่ขออาศัยนอนในวัด ผมไม่เคยได้รับการปฏิเสธ คิดว่าเป็นเพราะ 1.เป็นชายชราผู้มีผมขาวทั้งหัว หน้าตาอิดโรย สวมกางเกงสะดอ ใส่เสื้อม่อฮ่อม 2.ขี่จักรยานคันเล็ก ๆ เข้ามา 3.หน้าตาดูไม่เป็นพิษเป็นภัย 4.อู้กำเมือง 5.บอกที่มาและที่ไปพร้อมแสดงบัตรประชาชน 6.ขอแค่อาศัยนอนในศาลา เท่านั้นครับ...ท่านเจ้าอาวาสก็อนุญาตให้พักค้างคืนได้ ที่สำนักสงฆ์โป่งจ้อก็เช่นเดียวกัน ผมกราบขอบพระคุณแล้วเดินกลับมาหาเจ้า Banian ด้วยความยินดี!

ปลดเป้ลง แล้วปู ground sheet ขอนอนเหยียดกายคลายความเหน็ดเหนื่อยก่อน...
พอฝนเริ่มตก ก็ต้องขยับเต็นท์เข้าไปอยู่กลางศาลา เพื่อมิให้โดนฝนสาด...
Banian ก็ต้องพามาอยู่ข้างใน (ไม่งั้นอาจเป็นหวัด อิอิ)
ตาแก่บ้านห้างฉัตรนอนหลับสบายทั้งคืน ทั้ง ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมรุเผาศพ...

ตื่นแต่เช้ามืด ผมเก็บเต็นท์และถุงนอนเข้ากระเป๋าตูดมด แล้วกวาดพื้นที่นอนด้วยไม้กวาดที่หาได้ เจ้าสี่ขาน่ารักเข้ามาหา (เมื่อวานให้กินขนมปังหมดแล้ว เช้านี้เลยไม่มีอะไรให้กิน)
แสงทองส่องฟ้า ถนนสว่างพอที่จะขี่จักรยานได้แล้ว...
แวะถ่ายรูปหน้าวัดอีกบาน เพื่อนสี่ขาตามมาส่ง...
ลาก่อนสำนักสงฆ์โป่งจ้อ ลาก่อนเพื่อนหมา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น