วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560

FB Trip ไปเชียงใหม่ – วิหารลายคำ วัดราชมณเฑียร

เริ่มสำรวจวิหารลายคำของวัดราชมณเฑียร ผมแหงนหน้าขึ้นเก็บภาพยอดฉัตรบนหลังคาไว้...



ก่อนที่จะแอบเข้าไปภายในวิหารชั้นล่าง สถานที่ทำบุญของชาวบ้าน...


เก็บภาพพระประธานมาให้เพื่อน ๆ ดูด้วยครับ...




ขึ้นบันไดไปข้างบน มองเห็นคูเมืองและวัดโลกโมฬีซึ่งอยู่ตรงข้าม แสงจ้าจนผมต้องหรี่ตา...



กดชัตเตอร์เก็บภาพซุ้มหน้าต่าง...


ก่อนเดินขึ้นบันไดผ่านซุ้มประตูประดับลวดลายปูนปั้นและกระจกแก้วเข้าไปในวิหารซึ่งใช้เป็นที่ทำสังฆกรรม...


"พระพุทธราชมณเฑียร"  พระพุทธรูปหินทรายนั้นงดงามยิ่ง!







สาดส่องเข้ามาเป็นแสงแดดเมื่อเวลา ๙.๔๕ น.  พื้นข้างนอกคงจะเริ่มร้อนแล้ว...


ผมก้าวลงไปยังลานหน้าวิหาร...


เก็บภาพด้านข้างไว้ก่อน ๑ บาน....


รอให้นักท่องเที่ยวจีนจากไป แล้วค่อยเดินมาบันทึกภาพพระเจ้าหลวงทันใจ...




ด้านหลังวิหารก็มีพระเจดีย์ รูปทรงแปลกตาแต่ก็เข้ากันได้ดี...


นับเป็นหนึ่งในวัดสร้างใหม่ที่สวยงามมากครับ!

วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560

FB Trip ไปเชียงใหม่ - วัดราชมณเฑียร

สำหรับผมแล้วทุกวันนี้เชียงใหม่ได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวไปแล้วอย่างเต็มรูปแบบ...


อาศัยอยู่เมืองนี้มาตั้งแต่ยังไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า ยามาฮ่า ของญี่ปุ่นเข้ามาวิ่ง มีแต่รถมาจากยุโรป อย่างเช่นรถยี่ห้อ Puch จากประเทศออสเตรีย ที่เคยขี่โดยเติมน้ำมันเบนซินลิตรละ ๑.๒๕ - ๒.๐๐ บาท (On The Roads - Again - 2009) หรือยืมรถ Lambretta จากพี่อู๊ดควบไปพระธาตุจอมทองคนเดียว  จนเดินทางมาถึงบั้นปลายของชีวิต ผมกลับมานครเชียงใหม่อีกครั้ง ได้เห็นการจราจรที่มีรถวิ่งรอบคูเมืองเป็นเส้นเป็นสายจนบางช่วงแทบจูงจักรยานข้ามถนนไม่ได้  หรือไปที่ไหนก็พบแต่นักท่องเที่ยวเดินขวักไขว่ ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง คิดในใจว่าแต่ละแห่งที่เหยียบย่างเข้าไปคงเป็นการเยือนครั้งสุดท้ายของผมอย่างแน่นอน...


จากวัดควรค่าม้า (1) ผมปั่นจักรยานอีกนิดเดียวก็ได้เห็นวัดราชมณเฑียร (2)



วัดนี้สร้างเมื่อ พ.ศ. ๑๙๗๔ เป็นวัดแรกที่พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์สมัยราชวงศ์มังรายทรงสร้างขึ้น ต่อมาอาณาจักรล้านนาล่มสลายตกเป็นเมืองขึ้นของพม่านานกว่า ๒๐๐ ปี ก็ถูกปล่อยให้รกร้างอยู่ในสภาพทรุดโทรม จนกระทั่งเมื่อพระเจ้ากาวิละได้กอบกู้เอกราชของแคว้นล้านนาคืนมา จึงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่จนกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง...

ถาวรวัตถุที่เป็นจุดเด่นของวัดนี้คือ "วิหายลายคำ" สถาปัตยกรรมไทยล้านนาสองชั้น ตัวอาคารประดับด้วยลวดลาย ปูนปั้น และลายคำ ชั้นล่างเป็นสถานที่ทำบุญของพุทธศาสนิกชน ส่วนชั้นบนเป็นสถานที่ทำสังฆกรรมของพระภิกษุและสามเณร ประดิษฐาน "พระพุทธราชมณเฑียร"  พระพุทธรูปหินทรายงดงามยิ่ง  ส่วนซุ้มประตูหน้าก็ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นและกระจกแก้วอังวะติดทองคำเปลว....

ที่มา - http://templeofchiangmai.weebly.com








ผมนำจักรยานเข้าไปจอดแอบไว้ข้างวิหาร...


มองเห็นอาคารอยู่ทางด้านทิศใต้...


เดินเข้าไปใกล้ ๆ จึงรู้ว่าเป็น "กุฏิสงฆ์"  นับว่าใหญ่และงดงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา!!




แสงแดดยามเช้ายังคงอบอุ่น ไม่ร้อนแรงจนทำให้ผมต้องเร่งรีบ บรรยากาศอย่างเนี้ยมองอะไรก็สวยไปหมด...



"หอเสื้อวัด" ที่เห็นก็งดงามที่สุดด้วยเช่นกัน!


ไปสำรวจ "วิหารลายคำ" กันต่อนะครับ!

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560

FB Trip ไปเชียงใหม่ - วัดควรค่าม้า

วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ประมาณ ๙ โมงเช้า ผมปั่นจักรยานจากวัดโลกโมฬี ระยะทาง ๓๐๐ เมตรไปยังวัดควรค่าม้า...


ที่จริงรู้จัก "วัดควรค่าม้า" มานานแล้ว ผมเคยมางานศพที่วัดนี้ แต่ก่อนชอบคิดตลก ๆ  ว่า วัดอะไรชื่อวัดควรฆ่าม้า ไหนบอกว่าปาณาติปาตาไม่ฆ่าสัตว์ไงล่ะ?


มีป้ายบอกประวัติวัดอยู่ข้างวิหาร บอกให้ทราบถึงความเป็นมาของชื่อวัด คราวนี้ได้รูปใหญ่หน่อย ผมไม่ต้องพิมพ์ให้เพื่อน ๆ ก็อ่านได้...


อุโบสถตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของวัด หันหน้าไปทางทิศเหนือ ด้านคูเมือง...


ไม่ลังเลที่จะเก็บภาพใบเสมา...


น่าอาย...ป้ายห้ามสุภาพสตรีขึ้นแสดงถึงความด้อยในการใช้ภาษาอังกฤษ ไหนบอกว่าจะก้าวเป็นหนึ่งใน AEC   เขียนอย่างเนี้ยในลาว กัมพูชา หรือพม่าเค้าไม่มีให้เห็นหรอกนะ !


ขอนำภาพอุโบสถมาฝากเพื่อน ๆ







บริเวณวัดไม่กว้าง ผมเดินเก็บภาพหอ มีทั้งหอธรรม หอฉัน และหอระฆัง...






"ฮ้านหม้อน้ำ" ยังมีให้เห็น พร้อมคำคม "จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวทำ จะสูงจะต่ำอยู่ที่ทำตัว"


เดี๋ยวไปดูวิหารและพระเจดีย์ด้วยกันนะครับ...