ที่สถานีรถไฟห้างฉัตรใช้เวลาจอดไม่ถึงนาที พอผู้โดยสารซึ่งมีอยู่คนเดียวหิ้วกระเป๋าสีดำใบใหญ่ขึ้นรถได้ รถดีเซลรางขบวน 407 ก็เคลื่อนตัวต่อไป…
บนขบวนรถไฟคนจนมีที่นั่งว่างเหลือเฟือ ผมวางกระเป๋าเจ้า Coyote ไว้ใกล้ประตู ยึดเอาม้านั่งยาวเป็นที่เหยียดกาย….
ออกจากสถานีห้างฉัตร เจ้าม้าเหล็กควบไปได้อีก ๖ กิโลเมตรก็ถึงสถานีปางม่วง…
เห็นใบไม้แห้งร่วงหล่นที่ห้วยเรียน…
พอถึงสถานีแม่ตานน้อย ผมคาดว่าอีกไม่นานรถคงจะเข้าถ้ำ…
แน่ใจยิ่งขึ้น…เมื่อเห็นหลอดไฟเหนือหัวเปิดสว่าง!
แล้วรถก็วิ่งเข้าอุโมงค์ขุนตานซึ่งมีความยาว ๑,๓๕๒.๑๐ เมตร ผมคิดถึงตอนเป็นเด็ก ถ้าได้นั่งรถไฟลอดถ้ำขุนตานทีไรเป็นต้องตื่นเต้นทุกที เคยคิดว่าท่ามกลางความมืดอาจจะมีใบหน้าของปีศาจโผล่ออกมาให้เห็น แต่มาถึงวันนี้ ผมไม่รู้สึกใด ๆ เลย!
รถจอดที่สถานีขุนตาน มีแม่ค้าขึ้นมาขายของบนรถ ผมซื้อแตงโมกิน (๒๐ บาท มี ๓ ชื้น)
พอรถออกจากสถานี “สารภี” ผมก็รู้ว่าสถานีปลายทางรออยู่ข้างหน้าแล้ว…
บนเส้นทาง ๙ กิโลเมตร…เจ้าม้าเหล็กเร่งฝีจักรเร็วขึ้นกว่าเดิม เปรียบเหมือนอาชาที่ควบผ่านโค้งสุดท้ายมาแล้ว…กำลังวิ่งเข้าเส้นชัย ผมเห็นแหม่มผอมกับแหม่มตุ้ยนุ้ยซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลขยับตัวเตรียมลง อืมมมม์…เป็นนักเดินทางที่ศีกษาเส้นทางมาเป็นอย่างดี ต่างกับลุงน้ำชาผู้ไม่ค่อยใส่ใจในข้อมูลสักเท่าใด ในใจได้แต่คิดว่า “ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง”
ลงจากรถแล้ว ผมนำกระเป๋าใส่จักรยานไปวางไว้ข้างม้าหิน…
หันกลับไปบันทึกภาพชีวิตของนักเดินทางตัวจริงไว้อีกบาน…
ยังไม่อยากนำเจ้า Coyote ออกมาตอนนี้ ผมยกสายกระเป๋าขึ้นพาดบ่า กระชับเจ้า Coyote ให้อยู่แนบกายก่อนที่จะก้าวเดินตามผู้โดยสารอื่น ๆ ออกไป!
ในที่สุด ผมก็ได้ไปยืนอยู่หน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่….
ได้พาเจ้า Coyote นั่งรถไฟ ๙๖.๕ กิโลเมตรมาถึงนครเชียงใหม่แล้ว!